ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อพัฒนาทักษะงานกลึง วิชางานฝึกฝีมือ (20100-1003) ของนักเ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน 2) เพื่อพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน และ 4) เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอนกลุ่มทักษะวิชาชีพพื้นฐาน และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดทำนวัตกรรมทางการศึกษา จำนวน 10 คน นักเรียนระดับชั้น ปวช.1 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทศบาลนครปฐม ปีการศึกษา 2561 จำนวน 30 คน และปีการศึกษา 2562 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม และแบบวิเคราะห์เอกสาร 2) เครื่องมือในการประเมินผลรูปแบบ ได้แก่ แบบประเมินทักษะปฏิบัติของนักเรียน แบบประเมินความสามารถในการสร้างนวัตกรรมของนักเรียน แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน และแบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที และการวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ความคิดเห็นด้านเนื้อหาสาระที่เหมาะสมเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน โดยภาพรวม พบว่า เนื้อหาสาระที่เหมาะสมเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน ควรเป็นเนื้อหาตามหลักวิชาการที่สอดคล้องกับหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พ.ศ. 2556 เนื้อหาสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์ได้ เน้นการส่งเสริมทักษะปฏิบัติด้วยวิธีการสอนแบบโครงงานเป็นฐานและเพื่อนช่วยเพื่อน ควรเน้นเฉพาะไปที่หน่วยการสอนที่เกี่ยวกับงานกลึงนั้น ประเมินผลโดยการสังเกตพฤติกรรม ครูผู้สอนควรดูแล ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาอย่างใกล้ชิด และขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของนักเรียนเป็นสำคัญ นักเรียนเคยผ่านการเรียนแบบโครงงานมาแล้วทุกคน เป็นโครงงานเชิงสืบค้นข้อมูลและรายงาน แต่ยังไม่เคยเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนส่วนใหญ่ต้องการให้เน้นเรื่องการใช้เครื่องมือและการฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดทักษะการทำงานโดยใช้เครื่องมือกล โดยให้เนื้อหาแต่ละเรื่องมีเนื้อหาที่มีความละเอียดพอสมควร และมีใบงานเพื่อฝึกปฏิบัติงานโดยใช้เครื่องมือช่างได้อย่างถูกต้อง และคล่องแคล่ว ควรจัดการเรียนเป็นกลุ่ม และเห็นด้วยกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบนี้ และคิดว่าคงจะสามารถส่งเสริมให้เกิดความรู้ความเข้าใจและทักษะปฏิบัติได้จริง

2. ผลการพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน พบว่า องค์ประกอบหลักของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ 1) องค์ประกอบเชิงโครงสร้าง คือ หลักการ และวัตถุประสงค์ 2) องค์ประกอบเชิงกระบวนการ คือ (1) กระบวนการจัดการเรียนรู้ 6 ขั้น (PPPEPE Model) ได้แก่ ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมความพร้อม (Prepare) ขั้นที่ 2 ขั้นกำหนดจุดมุ่งหมาย (Purposing) ขั้นที่ 3 ขั้นวางแผน (Planning) ขั้นที่ 4 ขั้นปฏิบัติตามแผน (Executing) ขั้นที่ 5 ขั้นนำเสนอ (Presentation) และขั้นที่ 6 ขั้นประเมินผล (Evaluation) (2) การวัดและประเมินผล และ 3) เงื่อนไขสำคัญในการนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จ รูปแบบมีค่าความสอดคล้องเชิงโครงสร้างและกระบวนการด้านความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ความเป็นไปได้ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และมีค่าความเหมาะสมและสอดคล้องของรูปแบบในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน พบว่า คะแนนทักษะปฏิบัติของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ได้มากกว่า ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนมีความสามารถในการสร้างนวัตกรรมอยู่ในระดับสูง และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ในภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด

4. การประเมินผลและปรับปรุง พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด และนักเรียนร้อยละ 93.33 เห็นด้วยกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน

โพสต์โดย เอ : [27 ม.ค. 2564 เวลา 09:26 น.]
อ่าน [66772] ไอพี : 1.47.77.153
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 13,695 ครั้ง
7 Thinking method to be genius วิธีคิดอย่างคนเก่ง
7 Thinking method to be genius วิธีคิดอย่างคนเก่ง

เปิดอ่าน 10,814 ครั้ง
ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ นโยบายปฏิรูปที่ใกล้ตัวนักเรียนมากที่สุด
ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ นโยบายปฏิรูปที่ใกล้ตัวนักเรียนมากที่สุด

เปิดอ่าน 2,286 ครั้ง
KJL x Schneider Electric ยกระดับงานไฟฟ้าสู่มาตรฐานสากล
KJL x Schneider Electric ยกระดับงานไฟฟ้าสู่มาตรฐานสากล

เปิดอ่าน 69,094 ครั้ง
ทำไมจึงไม่ควรให้ผู้ไม่มีใบประกอบอาชีพครูมีสิทธิสอบครูได้ : โดย รศ.ดร.สมาน อัศวภูมิ
ทำไมจึงไม่ควรให้ผู้ไม่มีใบประกอบอาชีพครูมีสิทธิสอบครูได้ : โดย รศ.ดร.สมาน อัศวภูมิ

เปิดอ่าน 8,894 ครั้ง
"องุ่นทะเล" ไม้ใหญ่ประโยชน์เยอะ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
"องุ่นทะเล" ไม้ใหญ่ประโยชน์เยอะ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

เปิดอ่าน 7,657 ครั้ง
คู่มือแนวทางการปฏิบัติงานกิจกรรมสภานักเรียน
คู่มือแนวทางการปฏิบัติงานกิจกรรมสภานักเรียน

เปิดอ่าน 15,175 ครั้ง
ชีวิตหลังเกษียณ (1)
ชีวิตหลังเกษียณ (1)

เปิดอ่าน 12,659 ครั้ง
ทำไมสัตวแพทย์ต้องดึงหนังระหว่างหัวไหล่ของสุนัข
ทำไมสัตวแพทย์ต้องดึงหนังระหว่างหัวไหล่ของสุนัข

เปิดอ่าน 63,295 ครั้ง
ชนิดของสมุนไพรป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช
ชนิดของสมุนไพรป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช

เปิดอ่าน 12,953 ครั้ง
ไข่มุก โชว์ชุดประจำชาติ ประกวดเวทีจักรวาล
ไข่มุก โชว์ชุดประจำชาติ ประกวดเวทีจักรวาล

เปิดอ่าน 18,384 ครั้ง
ทำไม? คนเราถึงไม่ซื่อสัตย์
ทำไม? คนเราถึงไม่ซื่อสัตย์

เปิดอ่าน 1,816 ครั้ง
5 ไอเดียเก็บรักษาปากกาสำหรับนักสะสม ให้สภาพสมบูรณ์ สวยใหม่อยู่เสมอ
5 ไอเดียเก็บรักษาปากกาสำหรับนักสะสม ให้สภาพสมบูรณ์ สวยใหม่อยู่เสมอ

เปิดอ่าน 15,721 ครั้ง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงงานวิทยาศาสตร์
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงงานวิทยาศาสตร์

เปิดอ่าน 21,086 ครั้ง
บทบาทของการสื่อสารและเครือข่ายฯ
บทบาทของการสื่อสารและเครือข่ายฯ

เปิดอ่าน 38,338 ครั้ง
5 สัญญาณเตือนพ่อแม่ จากผลกระทบการเลื่อนเปิดเทอม
5 สัญญาณเตือนพ่อแม่ จากผลกระทบการเลื่อนเปิดเทอม

เปิดอ่าน 13,384 ครั้ง
ผิวสวย หน้าใส ด้วยมะพร้าว
ผิวสวย หน้าใส ด้วยมะพร้าว
เปิดอ่าน 14,842 ครั้ง
ปลูกฝังทักษะสมองอย่างไรให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในอนาคต
ปลูกฝังทักษะสมองอย่างไรให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในอนาคต
เปิดอ่าน 65,675 ครั้ง
เด็กเก่ง "อุดรพิทยานุกูล" สอบติดมหาลัยยกชั้น 5 ห้องรวด เรียนแพทย์ 44 คน
เด็กเก่ง "อุดรพิทยานุกูล" สอบติดมหาลัยยกชั้น 5 ห้องรวด เรียนแพทย์ 44 คน
เปิดอ่าน 35,820 ครั้ง
ทำไม E = mc กำลัง 2 สมการสะท้านโลก
ทำไม E = mc กำลัง 2 สมการสะท้านโลก
เปิดอ่าน 14,895 ครั้ง
LCD (Liquid Crystal Display)
LCD (Liquid Crystal Display)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ