ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ผู้วิจัย นางสุกุลยา พันธ์โนเรศน์

สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี

จังหวัดอุบลราชธานี

ปีที่วิจัย 2561

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อวิเคราะห์สภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัด การเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) เพื่อประเมินและปรับปรุงความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แหล่งข้อมูลตามวัตถุประสงค์ข้อ 1 ได้แก่ 1) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (กิจกรรม แนะแนว) 2) หนังสือเรียนและคู่มือต่าง ๆ 3) หลักสูตรสถานศึกษา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (กิจกรรมแนะแนว) 4) การจัดการเรียนการสอนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (กิจกรรมแนะแนว)ชั้นมัธยมศึกษา 5) รายงานผลการประเมินภายนอก สมศ. 6) แนวคิด ทฤษฎี งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะปฏิบัติและ 7) เอกสารการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (กิจกรรมแนะแนว) ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษา ประกอบด้วย 1) ผู้บริหาร จำนวน 3 คน 2) ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้กลุ่มละ 1 คน จำนวน 8 คน 3)นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 89 คน และ 4) ผู้ปกครองหรือคณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 5 คน แหล่งข้อมูลตามวัตถุประสงค์ ข้อ 2 ได้แก่ 1) แหล่งข้อมูลในการตรวจสอบความเหมาะสมของเครื่องมือ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอน ซึ่งมีคุณสมบัติดังนี้ เป็นผู้มีคุณวุฒิการศึกษาในสาขากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (กิจกรรมแนะแนว) หลักสูตรและการสอน หรือผู้มีประสบการณ์ด้านการสอนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (กิจกรรมแนะแนว) หรือมีประสบการณ์ทางการศึกษาอย่างน้อย 10 ปี จำนวน 5 คน 2) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง แบ่งตามผลการเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน 3) แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ทักษะปฏิบัติ 4) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 4 เรื่อง 5) แบบวัดทักษะปฏิบัติ และ 6) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ที่ศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 27 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย 1) แผนการจัด การเรียนรู้โดยใช้ทักษะปฏิบัติ 2) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน 3) แบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียน การวิเคราะห์ข้อมูล จะเป็นการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมคำนวณสำเร็จรูป และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) สถิติที่ใช้ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าที (t-test dependent)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาสภาพปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนอยู่ในระดับพอใช้ จากรายงานผลการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษา (Self Assessment) ปีการศึกษา 2554-2556 สภาพปัจจุบัน มีปัญหาการจัดการเรียนการสอน ด้านการใช้สื่อ และครูมีความต้องการในการพัฒนาเทคนิคหรือกระบวนการจัดการเรียนการสอน เพื่อช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน นักเรียนมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรม การปฏิบัติ หรือฝึกทักษะกระบวนการต่าง ๆ น้อยมากนักเรียนได้รับการจัดการเรียนรู้แบบบรรยายเป็นส่วนมาก คณะกรรมการสถานศึกษาและผู้ปกครอง นักเรียน ต้องการให้ครูจัดการเรียนการสอนโดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ ได้ฝึกคิด ฝึกปฏิบัติ และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีทักษะปฏิบัติงานและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น

2. ผลการพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีคุณภาพและเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( = 4.50) ประสิทธิภาพจากการทดลองแบบรายบุคคล เท่ากับ 78.89/77.78 แบบกลุ่มย่อยหรือลุ่มเล็ก เท่ากับ 79.54/79.26 และแบบภาคสนาม เท่ากับ 81.28/81.89 ทักษะการปฏิบัติงานของนักเรียนจากการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 82.59 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.53 และคะแนนร้อยละเท่ากับ 82.59 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ70

3. ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่าประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่ากับ 83.61/82.10 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ค่าดัชนีประสิทธิผล (The Effectiveness Index : E.I. ) มีค่าเท่ากับ 0.6908 หรือ คิดเป็นร้อยละ 69.08 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านอาชีพ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.42

โพสต์โดย ต่าย : [25 ม.ค. 2564 เวลา 17:29 น.]
อ่าน [66796] ไอพี : 101.51.226.157
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 22,007 ครั้ง
Adjectives(article) คำนามที่ไม่ต้องใช้ article
Adjectives(article) คำนามที่ไม่ต้องใช้ article

เปิดอ่าน 408,696 ครั้ง
เทคนิคการใส่เลขหน้าใน MS Word แบบไม่เริ่มต้นที่หน้าแรก
เทคนิคการใส่เลขหน้าใน MS Word แบบไม่เริ่มต้นที่หน้าแรก

เปิดอ่าน 818 ครั้ง
สินเชื่อส่วนบุคคล สมัครง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ทำอย่างไร
สินเชื่อส่วนบุคคล สมัครง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ทำอย่างไร

เปิดอ่าน 9,726 ครั้ง
  เปิดวงวิพากษ์อินเทอร์เน็ต โลกเสมือนคนยุคใหม่
เปิดวงวิพากษ์อินเทอร์เน็ต โลกเสมือนคนยุคใหม่

เปิดอ่าน 39,236 ครั้ง
รับชมย้อนหลัง! การประชุมทางไกล ระบบติดตามและประเมินผลครูผู้เข้ารับการพัฒนา
รับชมย้อนหลัง! การประชุมทางไกล ระบบติดตามและประเมินผลครูผู้เข้ารับการพัฒนา

เปิดอ่าน 25,513 ครั้ง
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579

เปิดอ่าน 198,401 ครั้ง
ดนตรีไทย
ดนตรีไทย

เปิดอ่าน 11,788 ครั้ง
ชวนรู้เรื่อง "มะเร็งลำไส้"
ชวนรู้เรื่อง "มะเร็งลำไส้"

เปิดอ่าน 49,019 ครั้ง
วันเนา
วันเนา

เปิดอ่าน 4,406 ครั้ง
ประโยชน์ของขมิ้นชัน
ประโยชน์ของขมิ้นชัน

เปิดอ่าน 24,454 ครั้ง
เหรียญราชการชายแดน
เหรียญราชการชายแดน

เปิดอ่าน 62,508 ครั้ง
ประเทศที่ประสบความสำเร็จเขาดูแลครูอย่างไร
ประเทศที่ประสบความสำเร็จเขาดูแลครูอย่างไร

เปิดอ่าน 16,845 ครั้ง
PowerPoint ชี้แจงและทำความเข้าใจการปรับปรุงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
PowerPoint ชี้แจงและทำความเข้าใจการปรับปรุงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)

เปิดอ่าน 11,473 ครั้ง
วิธีตรวจเช็คระบบไฟฟ้า-อาคาร หลังน้ำลด
วิธีตรวจเช็คระบบไฟฟ้า-อาคาร หลังน้ำลด

เปิดอ่าน 9,970 ครั้ง
ศธ.ให้ความสำคัญครูคนแรกดึงพ่อแม่เป็นส่วนหนึ่งวันครู
ศธ.ให้ความสำคัญครูคนแรกดึงพ่อแม่เป็นส่วนหนึ่งวันครู

เปิดอ่าน 117,419 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 3 จำนวนผู้เล่น(The Number Of Players)
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 3 จำนวนผู้เล่น(The Number Of Players)
เปิดอ่าน 14,791 ครั้ง
Speed Leader 5 กุญแจความสำเร็จสร้างผู้นำ
Speed Leader 5 กุญแจความสำเร็จสร้างผู้นำ
เปิดอ่าน 11,549 ครั้ง
4 วิธี สร้างสมาธิแบบไม่น่าเชื่อ
4 วิธี สร้างสมาธิแบบไม่น่าเชื่อ
เปิดอ่าน 113,823 ครั้ง
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
เปิดอ่าน 20,970 ครั้ง
มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กควรอยู่ในห้องเรียนหรือไม่? โดย : ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กควรอยู่ในห้องเรียนหรือไม่? โดย : ทีปกร วุฒิพิทยามงคล

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ