ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD เรื่อง โรค การป้องกัน และการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง โรค การป้องกัน และการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน ด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) หาค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD เรื่อง โรค การป้องกัน และการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและคะแนนหลังเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD เรื่อง โรค การป้องกัน และการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 4) ศึกษาความพึงพอใจ ของนักเรียนสำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD เรื่อง โรค การป้องกัน และการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 30 คน ที่เรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 2 โรงเรียนโนนหันวิทยายน สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD จำนวน 10 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ 3) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 15 ข้อ

ผลการวิจัย พบว่า

1. ผลพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง โรค การป้องกัน และการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน ด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา และพลศึกษา สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.00/82.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้

2. ผลการวิเคราะห์หาดัชนีประสิทธิผลทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียน โดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง โรค การป้องกัน และการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.7366 คิดเป็นร้อยละ 73.66

3. ผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและคะแนนหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD เรื่อง โรค การป้องกัน และการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัย

4. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรม การเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD เรื่อง โรค การป้องกัน และการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.57 อยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย หมอก : [25 ธ.ค. 2563 เวลา 13:48 น.]
อ่าน [5024] ไอพี : 223.206.216.241
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 41,371 ครั้ง
ชมเลย! เพลงจับดินสอ เพื่อให้เด็กได้ฝึกการจับดินสอที่ถูกวิธี
ชมเลย! เพลงจับดินสอ เพื่อให้เด็กได้ฝึกการจับดินสอที่ถูกวิธี

เปิดอ่าน 647 ครั้ง
สีบนจอภาพคอมพิวเตอร์
สีบนจอภาพคอมพิวเตอร์

เปิดอ่าน 33,148 ครั้ง
สัตว์พวกปลาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลย โดนถูกเบ็ดเกี่ยวดิ้น ก็ไม่ได้ตกอกตกใจ(วิทย์)
สัตว์พวกปลาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลย โดนถูกเบ็ดเกี่ยวดิ้น ก็ไม่ได้ตกอกตกใจ(วิทย์)

เปิดอ่าน 22,020 ครั้ง
ฟอร์บส์จัดอันดับ 50 อันดับมหาเศรษฐีเมืองไทย ใครติดอันดับปีนี้บ้าง
ฟอร์บส์จัดอันดับ 50 อันดับมหาเศรษฐีเมืองไทย ใครติดอันดับปีนี้บ้าง

เปิดอ่าน 11,788 ครั้ง
ทีลอซู น้ำตกในฝัน ของนักผจญภัย
ทีลอซู น้ำตกในฝัน ของนักผจญภัย

เปิดอ่าน 32,189 ครั้ง
ร่วมทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ร่วมทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

เปิดอ่าน 350,539 ครั้ง
ความสำคัญของภาษาไทย
ความสำคัญของภาษาไทย

เปิดอ่าน 12,138 ครั้ง
35 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ ของคนวัย 35 ที่น่าเลียนแบบ
35 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ ของคนวัย 35 ที่น่าเลียนแบบ

เปิดอ่าน 33,012 ครั้ง
ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือบน E-Learning
ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือบน E-Learning

เปิดอ่าน 8,696 ครั้ง
ความผูกพันสำคัญต่อองค์กรอย่างไร ?
ความผูกพันสำคัญต่อองค์กรอย่างไร ?

เปิดอ่าน 77,590 ครั้ง
26 มิถุนายน "วันสุนทรภู่"
26 มิถุนายน "วันสุนทรภู่"

เปิดอ่าน 10,144 ครั้ง
เตือนปั่นจักรยานหนักกระเทือน จนเป็นเหตุให้ "นกเขาไม่ขันได้"
เตือนปั่นจักรยานหนักกระเทือน จนเป็นเหตุให้ "นกเขาไม่ขันได้"

เปิดอ่าน 14,687 ครั้ง
10 เคล็ดลับ ลดน้ำตาล ลดโรค ลดอ้วน
10 เคล็ดลับ ลดน้ำตาล ลดโรค ลดอ้วน

เปิดอ่าน 8,568 ครั้ง
หนุ่มดวงแข็งที่สุดในสามโลก รถตกตึก ยังลุกขึ้นมาเดินเฉย
หนุ่มดวงแข็งที่สุดในสามโลก รถตกตึก ยังลุกขึ้นมาเดินเฉย

เปิดอ่าน 15,636 ครั้ง
ทำความรู้จักโครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ (PISA)
ทำความรู้จักโครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ (PISA)

เปิดอ่าน 14,680 ครั้ง
ครม.ไฟเขียว "กัญชง" ปลูกได้ครัวละไม่เกิน1ไร่ พืชเศรษฐกิจไทยตัวใหม่
ครม.ไฟเขียว "กัญชง" ปลูกได้ครัวละไม่เกิน1ไร่ พืชเศรษฐกิจไทยตัวใหม่
เปิดอ่าน 12,970 ครั้ง
7 Thinking method to be genius วิธีคิดอย่างคนเก่ง
7 Thinking method to be genius วิธีคิดอย่างคนเก่ง
เปิดอ่าน 8,324 ครั้ง
เปิดโลกเรียนรู้เจ้าหนูจอมซน
เปิดโลกเรียนรู้เจ้าหนูจอมซน
เปิดอ่าน 14,245 ครั้ง
คู่มือหาความสุข
คู่มือหาความสุข
เปิดอ่าน 462,262 ครั้ง
สักนิด เตือนสติคุณครู
สักนิด เตือนสติคุณครู

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ