|
|
หัวข้องานวิจัย การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนอาชีวศึกษาบนฐานสมรรถนะรายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
ผู้วิจัย ปณัชชภัค หุ่นงาม
ปีการศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาสภาพปัจจุบันเกี่ยวกับการเรียนการสอนอาชีวศึกษาบนฐานสมรรถนะ รายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) (2) สร้างและตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการเรียนการสอนอาชีวศึกษาบนฐานสมรรถนะ รายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) (3) ทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนอาชีวศึกษาบนฐานสมรรถนะ รายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และ (4) ประเมินผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอนอาชีวศึกษาบนฐานสมรรถนะ รายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการเก็บข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทศบาลนครปฐม ที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาการเป็นผู้ประกอบการ ปีการศึกษา 2561 จำนวน 32 คน ครูผู้สอน ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษา จำนวน 10 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการเก็บข้อมูลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอน ได้แก่ นักเรียนระดับชั้น ปวช.1 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทศบาลนครปฐม สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ปีการศึกษา 2562 จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ 2) เครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพเบื้องต้น ได้แก่ แบบประเมินความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี ความเป็นไปได้ และความสอดคล้อง 3) เครื่องมือในการทดลองใช้รูปแบบ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ และแบบประเมินความสามารถด้านทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน 4) เครื่องมือการประเมินประสิทธิผล และปรับปรุงรูปแบบให้เป็นฉบับสมบูรณ์ ได้แก่ การหาประสิทธิภาพของกระบวนการ/ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E1/E2) ตามเกณฑ์ 80/80 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (x̄) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) การทดสอบที (t-test) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis)
สรุปผลการวิจัย ดังนี้
1. การศึกษาสภาพปัจจุบัน พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีความสนใจลักษณะการสอนแบบโครงสร้างทักษะกระบวนการคิด (GPAS) ร่วมกับการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) และการจัดการเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ (Cooperative Learning) ต้องการมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของธุรกิจ และแนวทางการเป็นผู้ประกอบการที่สามารถนำไปใช้ได้จริงหลังจากจบการศึกษาไปแล้ว ส่วนความคิดเห็นของผู้บริหาร ครูผู้สอน และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษา สรุปได้ว่า ด้านเนื้อหาสาระควรเป็นเนื้อหาตามหลักวิชาการที่มีประโยชน์ต่อผู้เรียน สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์ได้ โดยเน้นเนื้อหาให้เหมาะสมกับระดับชั้น และเขียนเนื้อหาให้ละเอียดครอบคลุมจุดประสงค์ที่กำหนดในแต่ละเรื่อง ควรแยกเนื้อหาออกเป็นเรื่อง ๆ มีสื่อประกอบการสอน การวัดผลและประเมินผล ควรมีทั้งแบบทดสอบ และแบบสังเกตพฤติกรรม ควรคำนึงถึงเรื่องงบประมาณในการจัดทำสื่อให้พอเหมาะ การเขียนเนื้อหาควรสืบค้นข้อมูลทางวิชาการให้ครบถ้วน ส่วนด้านการจัดการเรียนรู้ ควรจัดทั้งในเวลาเรียนปกติ และมอบหมายให้นักเรียนศึกษานอกเวลาเรียน
2. การสร้างและตรวจสอบคุณภาพรูปแบบ พบว่า องค์ประกอบของรูปแบบ คือ 1) หลักการ 2) แนวคิด ทฤษฎี 3) วัตถุประสงค์ 4) กระบวนการจัดการเรียนรู้ แบ่งเป็น 6 ขั้นตอน ได้แก่ (1) ขั้นกระตุ้นผู้เรียน (Stimulation) (2) ขั้นสร้างองค์ความรู้ (Construction) (3) ขั้นวิเคราะห์และลงข้อสรุป (Analysis and Summarization) (4) ขั้นประยุกต์ใช้ (Application) (5) ขั้นประเมินผล (Evaluation) และ (6) ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) 5) การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ และ 6) เงื่อนไขสำคัญในการนำรูปแบบไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จ รูปแบบมีค่าความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี ความเป็นไปได้ และความสอดคล้อง ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และประสิทธิภาพ (E1/E2) ของรูปแบบจากการประเมินประสิทธิภาพแบบภาคสนาม (Field Tryout) ได้เท่ากับ 83.06/86.15
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบ พบว่า 1) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้รูปแบบการเรียนการสอนสูงกว่าก่อนใช้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ความสามารถด้านทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนหลังการใช้รูปแบบการเรียนการสอนในภาพรวมอยู่ในระดับสูง
4. ประเมินผลการใช้รูปแบบการ พบว่า ประสิทธิภาพ (E1/E2) ของรูปแบบ มีค่าเท่ากับ 83.88/88.20 และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบในภาพรวมอยู่ในระดับมาก
|
โพสต์โดย นางปณัชชภัค หุ่นงาม (หม่อม) : [25 ธ.ค. 2563 เวลา 06:38 น.] อ่าน [6473] ไอพี : 110.77.180.136
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 6,474 ครั้ง
| เปิดอ่าน 4,018 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,112 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,200 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,019 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,142 ครั้ง
| เปิดอ่าน 36,209 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,533 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,293 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,732 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,020 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,148 ครั้ง
| เปิดอ่าน 55,660 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,770 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,287 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 12,819 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,230 ครั้ง
| เปิดอ่าน 30,351 ครั้ง
| เปิดอ่าน 49,185 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,781 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|