บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้การวานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง คอมพิวเตอร์ โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) สำหรับนักเรียนชั้นชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 วัตถุประสงค์การวิจัย 1)เพื่อศึกษาปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ของครูผู้สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี 2)เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง คอมพิวเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง คอมพิวเตอร์ โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) 4)เพื่อหาประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง คอมพิวเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) 5)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง คอมพิวเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 34 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โรงเรียนละ 1 คน เฉพาะครูที่สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี และผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดพิกุลเงิน องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 39 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling)
ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ 1)แบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการจัดการเรียนการสอนการวานอาชีพและเทคโนโลยีระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของครูผู้สอนโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี จำนวน 1 ฉบับ 23 ข้อ ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.61 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.9537 2)แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 5.00 3)แบบฝึกทักษะ จำนวน 10 ชุด ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.31 4)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 20 ข้อ ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20 - 0.80 ค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.8237 5)แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 1 ฉบับ 21 ข้อ ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.52 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.8727 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยสอบถามปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ของครูผู้สอนโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ใช้แบบแผนการทดลองแบบ
One Group Pre-test Post-test Design ทดสอบกลุ่มตัวอย่างก่อนเรียน (Pre-test) ทำการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ โดยใช้แบบฝึกทักษะ ทดสอบย่อยระหว่างเรียน และทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (Post-test) สอบถามความพึงพอใจของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ IOC วิเคราะห์ค่าความสอดคล้องของแบบทดสอบ ใช้สถิติหาค่าอำนาจจำแนก (B) ค่าความยากง่าย (p) ตามวิธีของแบรนแนน (Brennan) ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ (rcc) ตามวิธีของโลเวท (Lovett) ใช้สถิติ E1/ E2 หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ ใช้สถิติหาค่าอำนาจจำแนกของแบบสอบถามปัญหาการสอนการวานอาชีพและเทคโนโลยี และแบบสอบ
ถามความพึงพอใจ แบบสัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha Coefficient) ของครอนบาค (Cronbach) ใช้สถิติหาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับวิธี Itemtotal Correlation ใช้สูตรสหสัมพันธ์อย่างง่ายของ Pearson ใช้สถิติ t-test วิเคราะห์สมมติฐานเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน และเปรียบเทียบความพึงพอใจก่อนเรียนและหลังเรียน ใช้สถิติ E.I. วิเคราะห์ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะ และใช้สถิติพื้นฐานวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย (x̄) ร้อยละ (P) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการศึกษาพบว่า
1. ปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษาปีที่ 4 โดยรวมทุกสถานะ มีค่าอยู่ในระดับมาก สถานะที่มีปัญหาสูงสุด ได้แก่ สถานะประสบการณ์การทำงาน มีค่าอยู่ในระดับมาก และด้านที่มีปัญหาสูงสุด ได้แก่ ด้านหลักสูตรมีค่าอยู่ในระดับมาก
2. โดยรวมแผนการจัดการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 82.46 คิดเป็นร้อยละ 82.46 และ แผนการจัดการเรียนรู้ที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8
3. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง คอมพิวเตอร์ โดยจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เท่ากับ E1=85.03/E2=82.82 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
4. ประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะเท่ากับ 0.7367 แสดงว่าแบบฝึกทักษะ เรื่อง คอมพิวเตอร์ โดยจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ชุดนี้ ทำให้ผู้เรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 73.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ยอมรับได้
5. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ระหว่างการทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) และหลังเรียน (Post-test) พบว่า คะแนนทดสอบผู้เรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
6. โดยรวม ความพึงพอใจของผู้เรียนชายและผู้เรียนหญิง มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ซึ่งผู้เรียนหญิงมีค่าความพึงพอใจสูงกว่าผู้เรียนชาย ความพึงพอใจของผู้เรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง ก่อนเรียนผู้เรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย และหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และการเปรียบเทียบความพึงพอใจของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า ความพึงพอใจของผู้เรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้