ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
วิจัยในชั้นเรียนเรื่องเรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเพลงรำซิมารำของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่5/1 โดยใช้วิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน

บทคัดย่อ

การวิจัยในชั้นเรียน เรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเพลงรำซิมารำของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่5/1 โดยใช้วิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนในวิชานาฏศิลป์ ระดับชั้นประถมศึกษาปี 5 จะทําให้ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่สูงขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อหารูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่สามารถทําให้ผู้เรียนวิชานาฏศิลป์ มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนสูงขึ้น โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ประชากรในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5/1 จํานวน 33 คน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม แยกกลุ่มตัวแทนนักเรียนที่มีทักษะในการปฏิบัติท่ารําประกอบเพลงรำซิมารำได้ดีและทำการสอบผ่านในคร้งแรกเป็นผู้ช่วยครูในการฝึก จํานวน 12คน และกลุ่มตัวอย่างทดลองที่สอบไม่ผ่านจะต้องปรับปรุงจํานวน 21คน

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

ในปัจจุบันการจัดการเรียนการสอนในวิชานาฏศิลป์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะได้รับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก เนื่องจากนาฏศิลป์ไทยเป็นวิชาที่ต้องใช้ทักษะในการแสดงออก ล้วนแต่เป็นการใช้ทักษะทั้งสิ้น ผู้วิจัยได้ปฏิบัติหน้าที่ในการสอนวิชา นาฏศิลป์ ได้พบปัญหาคือ จากการเรียนการฝึกปฏิบัติท่าประกอบการรำเพลงรำซิมารำ ผู้วิจัยได้สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน พบว่าจะมีปัญหาในเรื่องการฝึกปฏิบัติท่าประกอบการรำเพลงรำซิมารำ ดังนี้

1.นักเรียนจำรายละเอียดท่ารำอย่างง่ายไม่ได้ 2. นักเรียนรำไม่ถูกจังหวะ 3. เมื่อปฏิบัติท่ารำไมได้ก็

เกิดความอายและเบื่อหน่าย 4. เวลาเรียนไม่เพียงพอกับการฝึกทักษะการปฏิบัติท่ารำ 5. ผู้เรียนในแต่ละห้องมีจำนวนมาก ผู้วิจัยสอนไม่ทั่วถึง จากสาเหตุดังกล่าวนี้จึงเห็นว่ามีผลกระทบต่อนักเรียน จึงทดลองการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบแบ่งกลุ่มซึ่งคละนักเรียนที่เก่งและไม่เก่งให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพื่อให้เพื่อนช่วยเพื่อนในการพัฒนาทักษะการฝึกปฏิบัติท่าประกอบรำเพลงรำซิมารำให้ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความชำนาญ ความมั่นใจในการรำ ส่งผลให้มีทักษะการรำที่ดีขึ้น อีกทั้งยังทําให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ภายในกลุ่ม สร้างความมั่นใจกล้าที่จะแสดงออกและเป็นการฝึกภาวะผู้นํา ผู้ตามอีกทางหนึ่งด้วย ผู้วิจัยจึงได้ทําการวิจัยโดยนําวิธีการแบบเพื่อนช่วยเพื่อนมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนวิชานาฏศิลป์ระดับชั้นระถมศึกษาปีที่ 5/1 เพื่อนําผลการวิจัยไปใช้ในการเรียนการสอนครั้งต่อไป

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

1. เพื่อให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่สูงขึ้น โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบเพื่อนช่วย

เพื่อน

2. เพื่อให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน

3. เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ให้นักเรียนเกิดการพัฒนาด้านทักษะการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

มากขึ้น

สมมุติฐานในการวิจัย

วิธีการฝึกสอนแบบพื่อช่วยเพื่อนสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การปฏิบัติท่ารำเพลงรำซิมารำของนักเรียนชั้นป.5/1 ได้มากน้อยเพียงใด

ขอบเขตของการวิจัย

ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนาผลสัมฤทธิ์เกี่ยวกับทักษะการรำ เพลงรำวงมาตรฐานเพลงรำซิมารำ โดยใช้โดยใช้วิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 และได้กำหนดขอบเขตของการวิจัยไว้ดังนี้

1. ประชากร คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที 5/1 ปีการศึกษา 2562 ภาคเรียนที่ 2 จำนวน 33 คน

2. ตัวแปรที่ศึกษา

2.1 ตัวแปรต้น

2.1.1 วิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน

2.2 ตัวแปรตาม

2.1.2ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปฏิบัติท่ารำเพลงรำซิมารำ

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1. นักเรียนในชั้นเรียนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน

2. นักเรียนได้รู้จักภาวะของผู้นําและผู้ตาม

3. นักเรียนที่เรียนวิชานาฏศิลป์ รูปแบบเพื่อนช่วยเพื่อนมีผลการเรียนที่สูงขึ้น

4. ได้แนวทางแก่ผู้สอนในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนในวิชานาฏศิลป์ต่อไป

โพสต์โดย ครูเจี๊ยบ : [15 ก.ย. 2563 เวลา 07:17 น.]
อ่าน [18777] ไอพี : 113.53.154.82
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 13,132 ครั้ง
คุณภาพการศึกษาดูจากหลักฐานขยะเท่านั้นหรือ!
คุณภาพการศึกษาดูจากหลักฐานขยะเท่านั้นหรือ!

เปิดอ่าน 15,452 ครั้ง
ชาวโลกแห่ดูคลิป สิ่งเล็กๆ ในสังคมที่เรียกว่า “น้ำใจ“ ยอดคนดูเกือบ3ล้านครั้งแล้ว
ชาวโลกแห่ดูคลิป สิ่งเล็กๆ ในสังคมที่เรียกว่า “น้ำใจ“ ยอดคนดูเกือบ3ล้านครั้งแล้ว

เปิดอ่าน 8,748 ครั้ง
เมื่อบ้านมีระเบียบ ฮวงจุ้ยก็ดีได้
เมื่อบ้านมีระเบียบ ฮวงจุ้ยก็ดีได้

เปิดอ่าน 877 ครั้ง
มาตรฐานสากล ISO 9001 คืออะไร ทำไมจึงสำคัญต่อสถาบันการศึกษา
มาตรฐานสากล ISO 9001 คืออะไร ทำไมจึงสำคัญต่อสถาบันการศึกษา

เปิดอ่าน 19,250 ครั้ง
กินหวานอย่างไรไม่อันตราย
กินหวานอย่างไรไม่อันตราย

เปิดอ่าน 14,612 ครั้ง
ขนมเสริมมงคล 12 ราศี
ขนมเสริมมงคล 12 ราศี

เปิดอ่าน 11,019 ครั้ง
วิธีแก้แบตเตอรี่ iPhone-iPad บนiOS 5.1.1 ให้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ
วิธีแก้แบตเตอรี่ iPhone-iPad บนiOS 5.1.1 ให้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ

เปิดอ่าน 9,627 ครั้ง
นักวิจัย สกสว.เจ๋ง ผลิต ‘มือเทียมกล’ ควบคุมผ่านสัญญาณไฟฟ้าในกล้ามเนื้อ เพื่อคนพิการ
นักวิจัย สกสว.เจ๋ง ผลิต ‘มือเทียมกล’ ควบคุมผ่านสัญญาณไฟฟ้าในกล้ามเนื้อ เพื่อคนพิการ

เปิดอ่าน 20,873 ครั้ง
วันจักรี วันแห่งการระลึกถึงราชวงศ์จักรี 6 เมษายนของทุกปี
วันจักรี วันแห่งการระลึกถึงราชวงศ์จักรี 6 เมษายนของทุกปี

เปิดอ่าน 5,544 ครั้ง
ปวดคอ แบบไหนอันตราย
ปวดคอ แบบไหนอันตราย

เปิดอ่าน 5,869 ครั้ง
PowerPoint ชี้แจงหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนปลาย มัธยมศึกษาที่ 4 – มัธยมศึกษาที่ 6
PowerPoint ชี้แจงหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนปลาย มัธยมศึกษาที่ 4 – มัธยมศึกษาที่ 6

เปิดอ่าน 11,011 ครั้ง
นั่งให้ถูกท่า หน้าคอมพิวเตอร์
นั่งให้ถูกท่า หน้าคอมพิวเตอร์

เปิดอ่าน 18,791 ครั้ง
ประกาศ เรื่องรายชื่อหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการครู ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เพิ่มเติม)
ประกาศ เรื่องรายชื่อหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการครู ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เพิ่มเติม)

เปิดอ่าน 19,912 ครั้ง
อยากประสบความสำเร็จต้องอ่าน ความจริง 3 ข้อที่คนทำงานไม่อาจมองข้าม
อยากประสบความสำเร็จต้องอ่าน ความจริง 3 ข้อที่คนทำงานไม่อาจมองข้าม

เปิดอ่าน 19,444 ครั้ง
สุดประทับใจ! ครูสาวแบกนร.หญิงป่วยหนัก เดินลงจากดอยไปส่งรพ.
สุดประทับใจ! ครูสาวแบกนร.หญิงป่วยหนัก เดินลงจากดอยไปส่งรพ.

เปิดอ่าน 12,350 ครั้ง
1 ธันวา..วันเอดส์โลก
1 ธันวา..วันเอดส์โลก
เปิดอ่าน 14,472 ครั้ง
เปลี่ยนระบบโทรศัพท์ใหม่ แต่ใช้เบอร์เดิมได้ เริ่ม 1 ก.ย.
เปลี่ยนระบบโทรศัพท์ใหม่ แต่ใช้เบอร์เดิมได้ เริ่ม 1 ก.ย.
เปิดอ่าน 20,341 ครั้ง
ประโยชน์บัตรเครดิต ที่คุณควรรู้ไว้ ตอนที่ 2
ประโยชน์บัตรเครดิต ที่คุณควรรู้ไว้ ตอนที่ 2
เปิดอ่าน 37,280 ครั้ง
รายงานการวิจัยและพัฒนานโยบายกาศึกษาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2553)
รายงานการวิจัยและพัฒนานโยบายกาศึกษาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2553)
เปิดอ่าน 3,177 ครั้ง
ความแตกต่างระหว่างด้ายเย็บผ้าและด้ายปัก และประเภทของด้ายปัก
ความแตกต่างระหว่างด้ายเย็บผ้าและด้ายปัก และประเภทของด้ายปัก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ