ชื่อผลงาน ผลการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น
โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ชื่อผู้ศึกษา นางสาวอิสรีย์ ผาสุข
โรงเรียน ปราจิณราษฎรอำรุง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 7
กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้จากการจัดกิจกรรมเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยพิจารณาจาก โดยพิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์ และ 3) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 โดยใช้วิธีวิจัยเชิงปฏิบัติการ ซึ่งกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/10 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 7 จำนวน 45 คน ได้โดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบไปด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์โดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 16 แผนการจัดการเรียนรู้ 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 7 เล่ม 3)เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติการ ได้แก่ แบบประเมินด้านทักษะกระบวนการ แบบประเมินด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ แบบบันทึกข้อมูลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ แบบบันทึกสะท้อนการเรียนรู้ของนักเรียน และ แบบทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการ และ 4)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่ายของข้อสอบอยู่ระหว่าง 0.38 0.79 และค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.25 0.58 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แบ่งการวิเคราะห์ข้อมูลออกเป็นเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ดังนี้ 1)การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่
(1) คะแนนสอบจากการทำแบบทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการนำมาวิเคราะห์โดยใช้ค่าสถิติพื้นฐาน ดังนี้ หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละ โดยนำมาเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด คือ ร้อยละ 80 เพื่อดูพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้ (2)คะแนนสอบจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนำมาวิเคราะห์โดยใช้ค่าสถิติพื้นฐาน ดังนี้ หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าร้อยละ แล้วนำไปเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด คือ ให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ 80 และมีนักเรียนจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของนักเรียนทั้งหมด (3)ประเมินด้านทักษะกระบวนการของนักเรียนนำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้ค่าสถิติพื้นฐาน ดังนี้ นำข้อมูลที่ได้จากการประเมินมาวิเคราะห์หาค่าร้อยละของพฤติกรรมบ่งชี้ในแต่ละด้าน จากนั้นนำผลรวมของทั้ง 4 วงจรปฏิบัติการ มาคิดเป็นร้อยละเทียบกันเกณฑ์เพื่อแปลผลรวมที่ได้เป็นพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน โดยผู้ศึกษากำหนดระดับคุณภาพไว้ว่านักเรียนต้องมีพฤติกรรมด้านทักษะกระบวนการอยู่ในระดับดีขึ้นไป (4)ประเมินด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนนำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้ค่าสถิติพื้นฐาน ดังนี้ นำข้อมูลที่ได้จากการประเมินมาวิเคราะห์หาค่าร้อยละของพฤติกรรมบ่งชี้ในแต่ละด้าน จากนั้นนำผลรวมของทั้ง 4 วงจรปฏิบัติการ มาคิดเป็นร้อยละเทียบกันเกณฑ์เพื่อแปลผลรวมที่ได้เป็นพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน โดยผู้ศึกษากำหนดระดับคุณภาพไว้ว่านักเรียนต้องมีพฤติกรรมด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์อยู่ในระดับดีขึ้นไป และ (5)วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์ 80 / 80 โดยการหาประสิทธิภาพของกระบวนการและประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E1 / E2) และ 2) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ได้แก่ ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกข้อมูลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ และบันทึกสะท้อนการเรียนรู้ของนักเรียน แล้วนำมาวิเคราะห์เนื้อหา เพื่อประเมินสภาพการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนว่าพบปัญหา และอุปสรรคอย่างไร เพื่อหาแนวทางในการปรับปรุง พัฒนากิจกรรมการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียน ซึ่งจะแสดงให้เห็นแนวทางและรูปแบบกิจกรรมที่มีประสิทธิภาพ
จากผลการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สรุปผลการศึกษาได้ดังนี้
1) ผลการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรูการใช้ปัญหาเป็นฐานเป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ส่งเสริมให้นักเรียนมี่ส่วนร่วมในการเรียนรู้ และได้ลงมือปฏิบัติจริง เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลมีการใช้ปัญหานำมาอภิปราย มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีกระบวนการการทำงานและสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ ทำให้เกิดบรรยากาศในการเรียนรู้ที่ดี
2) ผลพัฒนาผลการเรียนรู้จากการจัดกิจกรรมเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยพิจารณาจาก
2.1 ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า ผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวนนักเรียนทั้งหมด 45 คน คะแนนเต็ม 30 คะแนน คะแนนผ่านเกณฑ์ 24 คะแนน ได้คะแนนสูงสุด 28 คะแนน ได้คะแนนต่ำสุด 18 คะแนน มีคะแนนเฉลี่ย 24.96 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 83.20 และมีจำนวนนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ 38 คน คิดเป็นร้อยละ 84.44 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด
2.2 ด้านทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์ พบว่า ผลการประเมินทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์ด้านความสามารถในการแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อสาร การสื่อความหมายและนำเสนอ ทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมการแสดงออกของนักเรียน ในระหว่างที่กิจกรรมการเรียนการสอนดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง จำนวน 4 วงจรปฏิบัติการ พบว่า นักเรียนมีร้อยละของทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์ คือ 86.96, 87.37, 84.78 และ 88.07 ตามลำดับ และภาพรวมของทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์มีระดับคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 86.795
2.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พบว่า แสดงผลการประเมินด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนเป็นรายบุคคลในด้านความซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ขณะดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จำนวน 4 วงจรปฏิบัติการ พบว่า ร้อยละของคะแนนรวมจากการสังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากวงจรปฏิบัติการที่ 1 ถึงวงจรปฏิบัติการที่ 4 คือ 92.97 , 92.85 , 93.79 และ 93.60 ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีการแสดงอออกซึ่งคุณลักษณะอันพึงประสงค์อยู่ในระดับดีขึ้นไป และภาพรวมของคุณลักษณะอันพึงประสงค์มีระดับคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดีมาก คิดเป็นร้อยละ93.30
3) ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.24/83.19