ชื่อเรื่อง : การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่าน แบบเมตาคอกนิกชันและการเสริมต่อการเรียนรู้
ชื่อผู้วิจัย : นางหงษ์ขาว หลิมทอง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านไร่หลวง) สังกัดเทศบาลตำบลกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ปีการศึกษา : 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบเมตาคอก นิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาคุณภาพของรูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบเมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ประกอบด้วย (1) สร้างรูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบเมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (2) ตรวจสอบคุณภาพด้านความเหมาะสมของรูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบเมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ (3) หาค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) ของรูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบเมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ 2) เพื่อใช้และศึกษาผลการใช้รูปแบบ การเรียนการสอนโดยใช้กลวิธีการอ่านแบบเมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ประกอบด้วย (1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบเมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 (2) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนทดลองกับหลังทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบเมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่าน เชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน เชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบเมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กับเกณฑ์ร้อยละ 70
การวิจัยดำเนินการตามกระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ 1) การสร้างและหาคุณภาพของรูปแบบการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการเรียนการสอน แบบประเมินความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบการเรียนการสอน แบบวัดความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ 2) การใช้และศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ รูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบเมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบวัดความสามารถในการอ่าน เชิงวิเคราะห์ โดยกลุ่มทดลองในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๑ (บ้านไร่หลวง) สังกัดเทศบาลตำบลกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจงใช้ประชากรทั้งหมดเป็นกลุ่มทดลอง จำนวน 41 คน สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบทีแบบไม่อิสระ สถิติทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว และค่าดัชนีประสิทธิผล ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการสร้างและหาคุณภาพของรูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบเมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่าน เชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า
1.1 รูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบเมตาคอกนิชันและการเสริมต่อ การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและแหล่งเรียนรู้ และการวัดและประเมินผล โดยมีกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบ่งออกได้เป็น 7 ขั้นตอน ตาม PreSAS WhileCl PostSA Model คือ ก่อนการอ่าน (Pre-reading) ขั้นกระตุ้นความรู้เดิม (Stimulate original knowledge) ขั้นเพิ่มเติมแผนการอ่าน (Added reading plans) ขั้นชำนาญตั้งวัตถุประสงค์ (Set Objective) ระหว่างการอ่าน (While-reading) ขั้นตรวจสอบตรงความเข้าใจ (Check for Understanding) ขั้นเรียนรู้ได้ให้บูรณาการ (Integration) หลังการอ่าน (Post-reading) ขั้นสรุปผลและประเมินค่าผ่านคุณค่า (Summarize and Evaluated of reading) ขั้นนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในความคิด (Apply Knowledge) มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.6385
1.2 ผลการใช้และศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบ เมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถ ในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า
1.2.1 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบ เมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถ ในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
1.2.2 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบ เมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถ ในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
1.2.3 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนกลวิธีการอ่านแบบ เมตาคอกนิชันและการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถ ในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01