ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของ
โรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา
ชื่อผู้วิจัย นางนวลนิตย์ ถาวงษ์กลาง
ปีการศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัญหาและความต้องการในการสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา (2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา (3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา (4) เพื่อประเมินและปรับปรุงรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา ได้แก่ ผู้บริหาร จำนวน 2 คน ครู จำนวน 18 คน รวมทั้งหมด 20 คน ปีการศึกษา 2562 ได้มาโดยการเลือก แบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) แบบวิเคราะห์เอกสาร (2) แบบสอบถามสภาพปัญหาและความต้องการ (3) แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือ (4) รูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน (5) แบบทดสอบวัดความรู้เกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน (6) แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน (7) แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน (8) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ข้อมูลพื้นฐานในการสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา ประกอบด้วย ทฤษฎีเกี่ยวกับการบริหารการศึกษา ผู้วิจัยได้ประยุกต์ใช้วงจรคุณภาพของเดมมิ่งมาใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา โดยกระบวนการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์สภาพปัญหาการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเดิมและความต้องการของนักเรียน (Analyzing : A) ขั้นตอนที่ 2 การวางแผนดำเนินการ (Planning : P) ขั้นตอนที่ 3 การปฏิบัติตามแผน (Doing : D) ขั้นตอนที่ 4 การตรวจสอบและประเมินผล (Evaluating : E) ขั้นตอนที่ 5 การปรับปรุงแก้ไขและการพัฒนา (Developing : D) ส่วนระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็นกระบวนการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่เป็นระบบแบบแผนมีขั้นตอนในการดำเนินงานโดยมีครูที่ปรึกษาเป็นบุคคลากรหลักร่วมกับบุคลากรทุกฝ่ายทั้งในและนอกสถานศึกษาในการส่งเสริมป้องกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียนและให้นักเรียนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่ในสังคมได้อย่างเข้มแข็งและปลอดภัย มีกระบวนการดำเนินงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คือ การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล การคัดกรองนักเรียน การส่งเสริมนักเรียน การป้องกันและแก้ไขปัญหา และการส่งต่อ สำหรับสภาพปัญหา การบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x = 4.33, S.D. = 0.12) และความต้องการเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก (x = 4.36, S.D. = 0.11)
2. รูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา ที่ดำเนินการพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพมีชื่อเรียกว่า APDED Model ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญคือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน กระบวนการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน การดำเนินการตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และเงื่อนไขสำคัญในการนำรูปแบบไปใช้ และผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (x= 4.93, S.D.= 0.11)
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา พบว่า (1) ความรู้เกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของผู้บริหารและครูที่ทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา หลังการทดลองสูงกว่าการทดลองใช้รูปแบบ โดยมีร้อยละความก้าวหน้าของคะแนนเฉลี่ยคิดเป็น ร้อยละ 36.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือร้อยละ 25 (2) ความคิดเห็นเกี่ยวกับกระบวนการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x= 4.29,S.D= 0.10) (3) ความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x= 4.12, S.D.= 0.22) (4) ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนหลังทดลองใช้รูปแบบโดยภาพรวมอยู่ในระดับดีเยี่ยมคิดเป็นร้อยละ 96.11 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดคือร้อยละ 40 (5) ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ เขียน ของนักเรียนหลังทดลองใช้รูปแบบ โดยภาพรวมอยู่ในระดับดีเลิศ โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.62 และคิดเป็นร้อยละ 52.47 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดคือร้อยละ 40 (6) ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X = 4.40, S.D. = 0.12) และผลการประเมินผ่านเกณฑ์ที่กำหนดทุกข้อ
4. ผลการประเมินรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมบ้านแก้งวิทยาโดยผู้บริหารและครูที่ทดลองใช้รูปแบบโดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (x= 4.58, S.D.= 0.17) หลังจากเสร็จสิ้นการทดลองใช้รูปแบบผู้ร่วมสนทนากลุ่มให้ความคิดเห็นว่า องค์ประกอบของรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสม และสอดคล้องซึ่งกันและกัน เป็นกระบวนการที่มีประโยชน์มากเป็นกระบวนการที่มีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กันของแต่ละขั้นตอน ทำให้เกิดการพัฒนาทั้งด้านการพัฒนางานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ส่วนองค์ประกอบเชิงเงื่อนไขการนำไปใช้มีความจำเป็นซึ่งจะต้องมีระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ ผู้บริหารมีภาวะความเป็นผู้นำ ให้การสนับสนุน อำนวยความสะดวก สร้างขวัญและกำลังใจให้กับครู มีระบบการทำงานเป็นทีม ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการทำงาน