บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เรื่องกฎหมายในชีวิตประจำวัน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) หาค่าดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่21 (3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนรู้ด้วยพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 กับนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยแผนการเรียนรู้แบบปกติ (4) หาความพึงพอใจของนักเรียนในการเรียนรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการเรียนรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เรื่อง กฎหมายในชีวิตประจำวัน จำนวน 5 แผน โดยใช้เวลาสอนแผนละ 2 ชั่วโมง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน ในการเรียนรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบุ่งค้าวิทยาคม ตำบลบุ่งค้า อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้รูปแบบการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 จำนวน 30 คน และกลุ่มที่เรียนด้วยแผนการเรียนรู้แบบปกติ จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบเป็นอิสระต่อกัน (ttest for Dependent Samples)
ผลการวิจัย พบว่า
1. แผนการเรียนรู้รูปแบบการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เรื่องกฎหมายในชีวิตประจำวัน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.35/82.67 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนด
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เรื่องกฎหมายในชีวิตประจำวัน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่า 0.6135 แสดงว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 61.35
3. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่าผู้เรียนที่เรียนด้วยแผนการเรียนรู้รูปแบบการเรียนการ
สอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เรื่องกฎหมายในชีวิตประจำวัน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่า ผู้เรียนที่เรียนรู้ด้วยแผนการเรียนรู้แบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เรื่องกฎหมายในชีวิตประจำวันโดยรวมอยู่ในระดับมาก
การวิจัยครั้งนี้สรุปได้ว่า รูปแบบการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เรื่อง กฎหมายในชีวิตประจำวัน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะสม ทำให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน ได้รู้จักช่วยเหลือกัน มีปฏิสัมพันธ์ในการทำงานในการเรียนรู้ มีพฤติกรรมการทำงานกลุ่มร่วมกัน บรรยากาศในการเรียนรู้สนุกสนาน มีการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น การเรียนสามารถนำไประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางได้