ผู้วิจัย นางกาญจนาวดี คิดควร
หน่วยงาน โรงเรียนโนนกอกวิทยา สังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ
ปีที่พิมพ์ 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการที่จำเป็นของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) พัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3) ผลการใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจและปรับปรุงรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยระยะที่ 1 เป็นการศึกษาข้อมูลจากการสัมภาษณ์ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ จำนวน 10 คน และสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 เรียนจำนวน 45 คนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ ระยะที่ 3 ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 35 คนที่กำลังศึกษาภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) และระยะที่ 4 ประเมินความพึงพอใจและปรับปรุงรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบสัมภาษณ์ 3) แบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหา และ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพความต้องการและความจำเป็น นักเรียน ครูและผู้เกี่ยวข้องมีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด ต้องการให้นักเรียนเรียนรู้โดยการทำกิจกรรมกลุ่ม เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างแท้จริง สื่อการเรียนรู้เป็นใบความรู้ ใบกิจกรรม ใบงาน และแบบทดสอบ มีการวัดผลโดยการใช้การทดสอบ
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่อง เวกเตอร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอนที่ 1 ผลการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเวกเตอร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบด้วย 1) หลักการและแนวคิด 2) วัตถุประสงค์ 3) ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 4) เนื้อหา 5) การประเมินผล
ขั้นตอนที่ 2 ผลการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เวกเตอร์ ด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่สร้างขึ้นมีค่าประสิทธิภาพ 82.08/81.22 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 80/80
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่อง เวกเตอร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แบ่งเป็น
3.1 ค่าประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่อง เวกเตอร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เท่ากับ 84.77/83.71 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 80/80
3.2 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน
3.2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่อง เวกเตอร์ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05
3.2.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านความสามารถในการแก้ปัญหา รายวิชา คณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่อง เวกเตอร์ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ. 05
4. ผลการประเมินและปรับปรุงรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่อง เวกเตอร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แบ่งเป็น
4.1 ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่อง เวกเตอร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมาก
4.2 ผลการประเมินความเหมาะสมของผู้บริหารและครูที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่อง เวกเตอร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
การปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ หลังจากได้ทำการทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้แล้ว ได้พบข้อควรปรับปรุงของแผนการจัดการเรียนรู้ให้มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนในครั้งต่อไป ในแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8-11 เวกเตอร์ในระบบพิกัดฉากสองมิติและสามมิติ ต้องมีสื่อการเรียนรู้ที่เป็นสื่อดิจิตอล เทคโนโลยีให้เห็นเป็นสามมิติ เพิ่มเข้าไป และการนำเรื่องดังกล่าวเชื่อมโยงในชีวิตประจำวันและนำเสนอให้นักเรียนได้เกิดการเรียนรู้ มีการปรับใบกิจกรรม ใบงานและแบบทดสอบท้ายแผนแต่ละแผนให้กระชับและไม่มากจนเกินไป