ผู้วิจัย นางสาวเอื้องดง แสนตรง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลบ้านไผ่ สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองบ้านไผ่
อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
ปีที่ศึกษา พ.ศ. 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์คือ (1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนา
การเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา (CIPPA model) โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำ
เรื่อง สระลดรูปและเปลี่ยนรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (2) เพื่อสร้างและทดลองใช้การเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา (CIPPA model) โดยใช้แบบฝึกทักษะ
การอ่านและเขียนคำ เรื่อง สระลดรูปและเปลี่ยนรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (3) เพื่อศึกษาผลการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา (CIPPA model) โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำ เรื่อง สระลดรูปและเปลี่ยนรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เกี่ยวกับประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ดัชนีประสิทธิผลตามเกณฑ์ 70 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียนรู้ และ
ความคงทนในการเรียนรู้หลังเรียน 2 สัปดาห์ และ (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา (CIPPA model) โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำ เรื่อง สระลดรูปและเปลี่ยนรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการวิจัย คือ (1) สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนา คือ เอกสาร
ที่เกี่ยวข้องด้วยการสัมภาษณ์นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 20 คน ครูภาษาไทย จำนวน
6 คน เครื่องมือสำหรับการวิจัย คือ แบบบันทึกเอกสารและสรุปความ แบบสัมภาษณ์นักเรียนและครูผู้สอน (2) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการสร้างและการทดลองใช้การเรียนรู้ คือ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน
5 คน นักเรียนที่ใช้ในการสร้างและทดลองใช้ทั้งแบบรายบุคคลหรือแบบเดี่ยว จำนวน 3 คน
แบบกลุ่มเล็ก จำนวน 6 คน และแบบกลุ่มใหญ่ จำนวน 22 คน จากนักเรียนชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 1/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โดยใช้เครื่องมือ คือ แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา (CIPPA model) จำนวน 24 แผน แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียน จำนวน 12 เล่ม และแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ (3) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้จริง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 จำนวน 32 คน ใช้เครื่องมือเหมือนกับขั้นการทดลองใช้ เรื่องละ 2 ชั่วโมง รวมเวลาเรียน 24 ชั่วโมง (4) แหล่งข้อมูลที่ใช้ประเมินความพึงพอใจของนักเรียน คือ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา และนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 จำนวน 32 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม ใช้เครื่องมือ คือ แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ และการทดสอบค่า t (Dependent samples) ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้
บทคัดย่อ (ต่อ)
1. สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนา พบว่า เนื้อหาที่เป็นปัญหามากที่สุด คือ
หน่วยที่ 2 เรื่อง สระลดรูปและเปลี่ยนรูป ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มากที่สุด ผู้เรียนส่วนใหญ่ไม่ชอบเรียนภาษาไทย ขาดความใส่ใจจากผู้ปกครอง ความรู้ความสามารถตรงกับวิชาเอกที่สอน ครูส่วนใหญ่สอนตรงสาขากับวิชาเอกร้อยละ 70 แต่คาบสอนมากเกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และมีงานพิเศษค่อนข้างมาก แนวทางแก้ไขปัญหา คือ ครูภาษาไทยควรได้รับการพัฒนา โดยนำทฤษฎีการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา (CIPPA model) และแบบฝึกทักษะมาใช้ เพราะเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยผู้เรียนมีส่วนร่วมมากที่สุด
2. การสร้างและทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา (CIPPA model)
โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง สระลดรูปและเปลี่ยนรูป มีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ หลักการของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ เมื่อนำไปทดลองใช้ด้วยรูปแบบการสอน พบว่า (1) การทดลองใช้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง มีประสิทธิภาพเท่ากับ 77.33/76.67 ต่ำกว่าเกณฑ์ 80/80 จึงได้ปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการสอน (2) การทดลองใช้แบบกลุ่มเล็ก มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.11/80.56 เท่ากับเกณฑ์ 80/80 โดยได้ปรับปรุงแก้ไขอีกครั้ง และ (3) การทดลองใช้แบบกลุ่มใหญ่ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.12/82.61 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 แสดงว่า สามารถนำรูปแบบการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา (CIPPA model) และแบบฝึกทักษะไปใช้สอนจริงได้อย่างมีคุณภาพ
3. ผลการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบซิปปา (CIPPA model) โดยใช้แบบฝึกทักษะ การอ่านและการเขียน เรื่อง สระลดรูปและเปลี่ยนรูป พบว่า (1) มีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.12/85.83 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 (2) มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7643 แสดงว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 76.43 สูงกว่าเกณฑ์ 70 หรือมีประสิทธิผลอยู่ในระดับดี (3) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ (4) นักเรียนมีความคงทนในการเรียนรู้ โดยนักเรียนมีคะแนนลดลงเพียงร้อยละ 0.41
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการพัฒนารูปแบบซิปปา (CIPPA model) โดยใช้
แบบฝึกทักษะ การอ่านและการเขียน เรื่อง สระลดรูปและเปลี่ยนรูป โดยภาพรวมและรายด้าน
4 ด้าน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก รายด้านเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการได้รับความรู้จากรูปแบบการสอน ด้านรูปแบบการสอน ด้านบรรยากาศในการเรียนรู้ของนักเรียน และด้านแบบฝึกทักษะ