|
|
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการด้านการจัดการเรียนรู้เน้นความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เน้นความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ (SOSTE Model) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เน้นความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ (SOSTE Model) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้เน้นความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ (SOSTE Model) มีการดำเนินการวิจัย 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ขั้นวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับสร้างและพัฒนารูปแบบจัดการเรียนรู้ ขั้นตอนที่ 2 ขั้นพัฒนา เป็นการออกแบบและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ ขั้นตอนที่ 3 ขั้นวิจัย เป็นการนำรูปแบบฯ ไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้น ม.4/1 เฉพาะที่เรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ โรงเรียนสายธารวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 30 คน ที่กำลังเรียนภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือวิจัย คือ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ซึ่งประกอบด้วย คู่มือการใช้รูปแบบและแผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดความสามารถการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ และแบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการทดสอบค่าที (Dependent Sample t-test) และ ขั้นตอนที่ 4 การพัฒนาโดยเป็นการประเมินและปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการจัดการเรียนรู้ให้สมบูรณ์
ผลการวิจัยพบว่า
1) สภาพปัญหาและความต้องการในการจัดการเรียนรู้แก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนฟิสิกส์ต่ำมีสาเหตุมาจากหลายประการ คือ ขาดความเข้าใจในบทเรียนอย่างต่อเนื่อง ขาดทักษะการคิดคำนวณ เมื่อพบโจทย์ปัญหาที่แตกต่างจากในชั้นเรียน นักเรียนไม่สามารถแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ได้อย่างถูกต้อง สื่อและอุปกรณ์ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ไม่หลากหลาย ไม่ช่วยให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติทักษะต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน และที่สำคัญ คือ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ส่วนใหญ่ครูจะเป็นผู้อธิบายให้ความรู้ในเนื้อหาหรือให้นักเรียนศึกษาจากใบความรู้ ใบงาน หนังสือเรียน ครูและนักเรียนมีความต้องการให้การเรียนรู้เป็นลักษณะที่หลากหลาย เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนคนอื่นๆ ในชั้นเรียนผ่านกิจกรรมการแก้โจทย์ปัญหาที่เป็นกระบวนการขั้นตอนอย่างเหมาะสม ครูควรมีเทคนิคและรูปแบบวิธีการการสอนที่หลากหลายมาใช้ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ และมีการบูรณาการสภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผู้เรียนมีอิสระในการเรียน มีอิสระในการคิด และทำกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง นักเรียนสามารถค้นคว้าสืบเสาะหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ได้เอง โดยครูช่วยกระตุ้นให้เกิดการคิดอย่างเป็นขั้นตอน มีการเชื่อมโยงความรู้ด้านสมการคณิตศาสตร์เข้ากับประสบการณ์การแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ที่เคยประสบมา และมีการร่วมกันแลกเปลี่ยนในกลุ่มผู้เรียน รวมทั้งมีการนำเสนอผลงานจากการสรุปความรูปในรูปแบบ Concept Mapping หรือรูปแบบอื่นๆที่หลากหลาย เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ และจะเป็นวิธีการที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียนฟิสิกส์
2) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นเป็นการผสมผสานการจัดการเรียนรู้เทคนิคของโพลยา การเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ แนวคิดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ร่วมกับทฤษฎีการสร้างความรู้ (Constructivist theory) โดยมีองค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และเงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ เรียกว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้เน้นความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ (SOSTE Model) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยแบ่งการดำเนินการในกระบวนการจัดการเรียนรู้เป็น 5 ขั้น ประกอบด้วย ขั้นที่ 1 S: Setting (นำเข้าสู่บทเรียน) ขั้นที่ 2 O: Observing (สังเกตและสำรวจค้นหา) ขั้นที่ 3 S: Solving (ดำเนินการแก้โจทย์ปัญหา) ขั้นที่ 4 T: Transferring (สรุปและเชื่อมโยงองค์ความรู้) และขั้นที่ 5 E: Extension (นำความรู้ไปประยุกต์ใช้) โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เน้นความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ (SOSTE Model) ที่พัฒนาขึ้นมีการบูรณาการสภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผู้เรียนมีอิสระในการเรียน มีอิสระในการคิดและทำกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถค้นคว้าสืบเสาะหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ได้เอง โดยครูช่วยกระตุ้นให้เกิดการคิดอย่างเป็นขั้นตอน เป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่มีส่วนกระตุ้นให้ผู้เรียนบรรลุตามที่วัตถุประสงค์ตั้งไว้ คือ ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ ซึ่งรูปแบบดังกล่าวมีประสิทธิภาพ 83.38/82.89 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
3) ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เน้นความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ (SOSTE Model) สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานการวิจัย ที่ตั้งไว้
4) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้เน้นความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์ (SOSTE Model) มีค่าเฉลี่ยรวม 4.73 อยู่ในระดับ มากที่สุด
|
โพสต์โดย โส : [17 ส.ค. 2563 เวลา 08:49 น.] อ่าน [4975] ไอพี : 183.89.80.229
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 8,950 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,302 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,000 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,482 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,334 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,039 ครั้ง
| เปิดอ่าน 89,983 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,962 ครั้ง
| เปิดอ่าน 112,276 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,052 ครั้ง
| เปิดอ่าน 27,259 ครั้ง
| เปิดอ่าน 26,407 ครั้ง
| เปิดอ่าน 22,167 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,280 ครั้ง
| เปิดอ่าน 515 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 11,120 ครั้ง
| เปิดอ่าน 52,312 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,308 ครั้ง
| เปิดอ่าน 32,664 ครั้ง
| เปิดอ่าน 184,342 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|