ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ชื่อผู้วิจัย นางวัชรี ทองหล่อ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนสายธารวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ
ปีที่วิจัย 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานความต้องการจำเป็นในการใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2)เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3)เพื่อทดลองการใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ4) เพื่อประเมินรูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 2 คน ครูผู้สอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 10 คน ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 20 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 75 คน รวม 112 คน ดำเนินการวิจัยโดยใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา แบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 เป็นการศึกษาข้อมูลพื้นฐานความต้องการจำเป็นในการสร้างและการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ตามทฤษฏีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง(Research : R1) ระยะที่ 2 การสร้างและการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ตามทฤษฏีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง(Development : D1) ระยะที่ 3 เป็นการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามทฤษฏีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Research : R2) และระยะที่ 4 เป็นการประเมินรูปแบบการเรียนรู้ตามทฤษฏีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง(Development : D2) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 3) แบบประเมินทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติ ร้อยละ(%) ค่าเฉลี่ย (x̄) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่า t test แบบ dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา(Content analysis)
ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้
1.โดยภาพรวมโรงเรียนสายธารวิทยา มีความพร้อมเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียนในการใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทฤษฏีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง อยู่ในระดับมาก และความคิดเห็นของนักเรียนโดยภาพรวม มีความต้องการจำเป็นในการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทฤษฏีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ตามความคิดเห็นของนักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด
2.ประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.65/84.36 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ผลการประเมินทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก (x̄ =37.34) ผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์หลังเรียน มีค่าเท่ากับ (x̄=27.45,S.D.=1.50) สูงกว่าก่อนเรียนที่มีค่าเท่ากับ (x̄=19.47,S.D.=0.85) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ และผลการศึกษาความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄= 4.35,S.D.=0.58) มีความเหมาะสมกับการจัดการเรียนรู้ตามข้อมูลพื้นฐานความต้องการจำเป็นของโรงเรียนสายธารวิทยา โดยผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า แผนการจัดการเรียนรู้ที่ประยุกต์เอาขั้นตอนการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง 5 ขั้นตอน มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ทดลองภาคสนาม โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนสายธารวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 33 คน พบว่า ประสิทธิภาพของกระบวนการของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (E1)เท่ากับ 86.65 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์(E2)เท่ากับ 84.36 และเมื่อดำเนินการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า คะแนนหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ชี้ให้เห็นว่ารูปแบบมีความเหมาะสม สามารถนำไปใช้ได้
3. ผลการทดลองการใช้รูปแบบในการจัดการเรียนรู้ ทั้ง 7 แผนการจัดการเรียนรู้และ 7 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า นักเรียนมีความกระตือรือร้น มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนมีการปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักเรียนด้วยกัน มีกระบวนการกลุ่ม ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้สามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างดีและมีคะแนนการทดสอบย่อยหลังเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 100 ในทุกชุดกิจกรรมการเรียนรู้
4. ผลการประเมินรูปแบบพิจารณาจากผลต่างคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการประเมินการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง และความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฏีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง พบว่า คะแนนหลังเรียนของนักเรียนที่ใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01นอกจากนี้การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองจากการเรียนรู้โดยรูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทั้ง 6 กลุ่ม โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่ม พบว่า มีจำนวน 4 กลุ่ม จาก 6 กลุ่ม ที่มีความเหมาะสมในการสร้างความรู้ด้วยตนเองอยู่ในระดับมากที่สุด โดยกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ กลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 4 ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาเป็นรายชุด พบว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 6 นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสมที่สุด และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยรูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติและความคิดสร้างสรรค์ รายวิชา งานประดิษฐ์ เรื่อง การแกะสลักผักและผลไม้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด