เรื่อง ปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการ
ที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนเทศบาลบ้านสักงอย ปีการศึกษา 2562
ผู้ศึกษา ลือชา คงรุ่ง
ปีการศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การศึกษาปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการ ที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนเทศบาลบ้านสักงอย ปีการศึกษา 2562 มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนเทศบาลบ้านสักงอย เพื่อศึกษาความคิดเห็นของครู ต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพสนับสนุน การบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูในการสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน ซึ่งเกิดจากการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ก่อนและหลังการศึกษา และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียน ครู กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครอง ที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการ ประชากรที่ใช้ในการศึกษา อยู่ในบริบทโรงเรียนเทศบาลบ้านสักงอย สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ในปีการศึกษา 2562 โดยวิธีคัดเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยแยกเป็นกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้ 1) ครู จำนวน 15 คน 2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 70 คน 3) ผู้ปกครองของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 จำนวน 70 คน 4) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 9 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา และเก็บรวบรวมข้อมูล
1. แบบสอบถามปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน โดยมีองค์ประกอบ 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านบรรยากาศองค์กร 2) ด้านวัฒนธรรมองค์กร 3) ด้านโครงสร้างองค์กร 4) ด้านภาวะผู้นำทางวิชาการ มีจำนวน ข้อคำถามด้านละ 10 ข้อ จำนวน 4 ด้าน รวมเป็น 40 ข้อ
2. แบบสอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็นการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียน โดยมีองค์ประกอบ 5 ด้าน คือ 1) การสนับสนุนและการเป็นผู้นำร่วมกัน 2) การสร้างค่านิยมและวิสัยทัศน์ร่วมกัน 3) การเรียนรู้ร่วมกันและการประยุกต์ใช้ความรู้ 4) การมีเงื่อนไขที่สนับสนุน และ 5) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างบุคคล มีจำนวนคำถาม รวมเป็น 24 ข้อ
3. แบบสอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของครูในการสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โดยมีองค์ประกอบ 7 ด้าน คือ 1) การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ 2) การวัดผลและประเมินผลและงานทะเบียนเทียบโอนผลการเรียน 3) การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา 4) การพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี 5) การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ 6) การนิเทศการศึกษา 7) การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา มีจำนวนคำถามด้านละ 3 ข้อ จำนวน 7 ด้าน รวมเป็น 21 ข้อ
4. แบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้เรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครองที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการ โดยมีองค์ประกอบ 6 ด้าน คือ (1) ผู้เรียนมีสุขภาวะที่ดีและ มีสุนทรียภาพ (2) ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ (3) ผู้เรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ในตนเอง รักเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (4) ผู้เรียนมีความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบ คิดสร้างสรรค์ ตัดสินใจ แก้ไขปัญหาได้อย่างมีสติสมเหตุผล (5) ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่จำเป็นตามหลักสูตร และ (6) ผู้เรียนมีทักษะในการทำงาน รักการทำงาน สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้และมี เจตคติที่ดีต่ออาชีพสุจริต มีประเด็นคำถามปลายปิด ด้านละ 3 ข้อ จำนวน 6 ด้าน รวมเป็น 18 ข้อ
สรุปผลการศึกษา
1. ปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนเทศบาลบ้านสักงอย ปีการศึกษา 2560 พบว่า ผลการปฏิบัติงานของครู มีค่าเฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.69 S.D. = 0.46) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดเรียงจากมากไปน้อย ได้แก่
ด้านวัฒนธรรมองค์กร ( = 4.72 S.D. = 0.49 ) รองลงมาด้านภาวะผู้นำทางวิชาการ ( = 4.70 S.D. = .0.45 ) และด้านบรรยากาศองค์กร ( = 4.69 S.D. = 0.46) ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ด้านโครงสร้างองค์กร ( = 4.65 S.D. = 0.46 ) เป็นไปตามสมมติฐานข้อ 1
โดยเมื่อพิจารณาแต่ละด้านเป็นรายข้อ มีผลการวิเคราะห์ ดังนี้
1.1 ปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนเทศบาลบ้านสักงอย ปีการศึกษา 2562 ด้านบรรยากาศองค์กร พบว่า บรรยากาศในองค์กร เป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อประโยชน์ต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน เกิดผลต่อการปฏิบัติงานของครู โดยภาพรวมทุกข้อมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด คือ มีค่า = 4.69 และค่า S.D. = 0.46
1.2 ปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนเทศบาลบ้านสักงอย ปีการศึกษา 2562 ด้านวัฒนธรรมองค์กรพบว่า วัฒนธรรมองค์กร เป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อประโยชน์ต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้
ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน เกิดผลต่อการปฏิบัติงานของครู โดยภาพรวมทุกข้อมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด คือ มีค่า = 4.72 และค่า S.D. = 0.49
1.3 ปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนเทศบาลบ้านสักงอย ปีการศึกษา 2562 ด้านโครงสร้างองค์กรพบว่า โครงสร้างองค์กร เป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อประโยชน์ต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน เกิดผลต่อการปฏิบัติงานของครู โดยภาพรวมทุกข้อมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด คือ มีค่า = 4.65 และค่า S.D. = 0.46
1.4 ปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนเทศบาลบ้านสักงอย ปีการศึกษา 2562 ด้านภาวะผู้นำทางวิชาการ พบว่า ภาวะผู้นำทางวิชาการ เป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อประโยชน์ต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียน โดยภาพรวมทุกข้อมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด คือ มีค่า = 4.70 และ S.D. = 0.45)
2. ความคิดเห็นของครูการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียน พบว่า องค์ประกอบหลักของการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ คือ การสนับสนุนและการเป็นผู้นำร่วมกัน การสร้างค่านิยมและวิสัยทัศน์ร่วมกัน การเรียนรู้ร่วมกันและ
การประยุกต์ใช้ความรู้ การมีเงื่อนไขที่สนับสนุน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างบุคคล เกิดผลต่อการปฏิบัติงานของครูในการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียน ทำให้ครูมีทัศนคติที่ดี มีความพร้อมที่จะสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ซึ่งในภาพรวม พบว่า ระดับความคิดเห็นของครูมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.56 S.D. = 0.51) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุดโดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดเรียงจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านที่ 3 การเรียนรู้ร่วมกันและการประยุกต์ใช้ความรู้ ( = 4.50 S.D. = 0.48) รองลงมา คือ ด้านที่ 1 การสนับสนุนและการเป็นผู้นำร่วมกัน ( = 4.56 S.D. = 0.51) ด้านที่ 2 การสร้างค่านิยมและวิสัยทัศน์ร่วมกัน ( = 4.56 S.D. = 0.51) ด้านที่ 5 การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างบุคคล ( = 4.56 S.D. = 0.51) และ ด้านที่ 4 การมีเงื่อนไขที่สนับสนุน ตามลำดับ เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 2
โดยเมื่อพิจารณาแต่ละด้านเป็นรายข้อ มีผลการวิเคราะห์ ดังนี้
2.1 ความคิดเห็นของครูต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียน ด้านการสนับสนุนและการเป็นผู้นำร่วมกัน พบว่า ครูมีความคิดเห็นต่อการสนับสนุนและการเป็นผู้นำร่วมกัน มีค่าเฉลี่ยภาพรวมรายข้ออยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด ( = 4.56 S.D. = 0.51) นั่นแสดงว่า ในการบริหารวิชาการ ผู้บริหารและครูมีส่วนที่เอื้อประโยชน์ สนับสนุนการปฏิบัติงานซึ่งกันและกันเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของการบริหารวิชาการให้เกิดผลต่อคุณภาพผู้เรียน
2.2 ความคิดเห็นของครูต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียน ด้านการสร้างค่านิยมและวิสัยทัศน์ร่วมกัน พบว่า ครูมีความคิดเห็นต่อการสร้างค่านิยมและวิสัยทัศน์ร่วมกัน มีค่าเฉลี่ยภาพรวมรายข้ออยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด ( = 4.56 S.D. = 0.51) นั่นแสดงว่า ในการบริหารวิชาการ ผู้บริหารและครูมีส่วนที่เอื้อประโยชน์ สนับสนุนการปฏิบัติงานซึ่งกันและกันเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของการบริหารวิชาการให้เกิดผลต่อคุณภาพผู้เรียน
2.3 ความคิดเห็นของครูต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียน ด้านการเรียนรู้ร่วมกันและการประยุกต์ใช้ความรู้ พบว่า ครูมีความคิดเห็นต่อการด้านการเรียนรู้ร่วมกันและการประยุกต์ใช้ความรู้ มีค่าเฉลี่ยภาพรวมรายข้ออยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.60 S.D. = 0.51) นั่นแสดงว่า ในการบริหารวิชาการ ผู้บริหารและครูมีส่วนที่เอื้อประโยชน์ สนับสนุนการปฏิบัติงานซึ่งกันและกันเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของการบริหารวิชาการให้เกิดผลต่อคุณภาพผู้เรียน
2.4 ความคิดเห็นของครูต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียน ด้านการมีเงื่อนไขที่สนับสนุน พบว่า ครูมีความคิดเห็นต่อการมีเงื่อนไขที่สนับสนุน มีค่าเฉลี่ยภาพรวมรายข้ออยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด ( = 4.50 S.D. = 0.48) นั่นแสดงว่า ในการบริหารวิชาการ ผู้บริหารและครูมีส่วนที่เอื้อประโยชน์ สนับสนุนการปฏิบัติงานซึ่งกันและกันเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของการบริหารวิชาการให้เกิดผลต่อคุณภาพผู้เรียน
2.5 ความคิดเห็นของครูต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียน ด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างบุคคล พบว่า ครูมีความคิดเห็นต่อการมีเงื่อนไขที่สนับสนุน มีค่าเฉลี่ยภาพรวมรายข้ออยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.56 S.D. = 0.51) นั่นแสดงว่า ในการบริหารวิชาการ ผู้บริหารและครูมีส่วนที่เอื้อประโยชน์ สนับสนุนการปฏิบัติงานซึ่งกันและกัน เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของการบริหารวิชาการให้เกิดผลต่อคุณภาพผู้เรียน
3. ความคิดเห็นของครูในการสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ พบว่า ความคิดเห็นของครูในการสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ในภาพรวม ก่อนการศึกษา มีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 3.37 มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.49 และหลังการศึกษา มีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.60 มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.45 นั่นแสดงว่า ความคิดเห็นของครูในการสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ มีผลต่อการปฏิบัติงานของครู ทำให้ครูมีความพร้อม มีความมุ่งมั่นปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล ในการสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียน ที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านของความคิดเห็นของครูในการสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ พบว่า หลังการศึกษาสูงกว่าก่อนการศึกษา และเมื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูในการสนับสนุนการบริหารวิชาการ ที่มีต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพก่อนและหลังการศึกษา โดยใช้ t- test พบว่า ความคิดเห็นของครูในการสนับสนุนการบริหารวิชาการที่มีต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หลังการศึกษาสูงกว่าก่อนการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานข้อ 3
4. ความพึงพอใจของผู้เรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้ปกครอง ที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการ พบว่า ระดับความพึงพอใจของผู้เรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้ปกครอง ที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการ ในภาพรวมอยู่ในระดับความพึงพอใจมากถึงมากที่สุด เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 4 และเมื่อศึกษาความพึงพอใจจากประชากรกลุ่มเป้าหมายแยกเป็นรายกลุ่ม ดังนี้
4.1 ระดับความพึงพอใจของผู้เรียน ที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการอยู่ในระดับพึงพอใจมาก มีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.50 มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) 0.49 และเมื่อวิเคราะห์ผลความพึงพอใจในทุกด้าน พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากถึงมากที่สุด
4.2 ระดับความพึงพอใจของครู ที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการอยู่ในระดับพอใจมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.57 มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.48 และเมื่อวิเคราะห์ผลความพึงพอใจในทุกด้าน พบว่าครู มีความพึงพอใจในระดับมากถึงมากที่สุด
4.3 ระดับความพึงพอใจของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีผลต่อคุณภาพผู้เรียนที่เกิดจากปัจจัยต่อการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อสนับสนุนการบริหารวิชาการอยู่ในระดับพอใจมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.61 มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) เท่ากับ 0.50 และเมื่อวิเคราะห์ผลความพึงพอใจในทุกด้าน พบว่า คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความพึงพอใจในระดับมากถึงมากที่สุด