ชื่องานวิจัย การบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้โรงเรียน เป็นฐาน โรงเรียนอนุบาลดอกคำใต้ (ชุมชนสันช้างหิน) อำเภอดอกคำใต้
จังหวัดพะเยา
ชื่อผู้วิจัย นายธงชัย จันแย้
ปีที่รายงาน 2562
บทคัดย่อ
รายงานการวิจัยการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้
โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน โรงเรียนอนุบาลดอกคำใต้(ชุมชนสันช้างหิน) อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาของสภาพแวดล้อมในโรงเรียนอนุบาลดอกคำใต้(ชุมชนสันช้างหิน) 2. เพื่อพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน และ 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stake holder) เกี่ยวกับผลของการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน
วิธีดำเนินการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participation Action Research : PAR) ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ 1. การศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาสภาพแวดล้อมของโรงเรียนอนุบาลดอกคำใต้(ชุมชนสันช้างหิน) 2. การพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมภายที่เอื้อต่อการเรียนรู้โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน 3. ดำเนินการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน 4. ศึกษาความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stake holder) ได้แก่ นักเรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและ ผู้ปกครองนักเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แบบบันทึกการประชุม การสนทนากลุ่ม และแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าร้อยละ (Percentage) และค่าเฉลี่ย (Mean)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ด้านสภาพปัจจุบันและปัญหาของสภาพแวดล้อมในโรงเรียนอนุบาลดอกคำใต้(ชุมชนสันช้างหิน) พบว่ามีปัญหา ทางด้านสภาพแวดล้อมทั้งปัญหาสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียน และสภาพแวดล้อมภายนอกห้องเรียน ดังนี้
1.1 สภาพแวดล้อมภายในห้องเรียน พบว่า ห้องเรียนชั้นอนุบาลประสบปัญหาน้ำท่วม
1.2 สภาพแวดล้อมภายนอกห้องเรียน พบว่า อาคารเรียนไม่มั่นคงแข็งแรง ศาลาพักผ่อนชำรุด ผุพัง สนามเด็กเล่นอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม สนามเด็กเล่นและสนามBBL อุปกรณ์ชำรุด สระว่ายน้ำแตกร้าว สนามกีฬาเป็นหลุ่มเป็นบ่อ และรั้วโรงเรียนด้านทิศเหนือไม่มี
2. การพัฒนากระบวนการการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน จากการศึกษาค้นคว้า พบว่าได้กระบวนการการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน พบหลักการสำคัญคือ การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ได้แก่ ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมตัดสินใจ และร่วมดำเนินการ ทำให้มีความรู้สึกเป็นเจ้าของโรงเรียน มี 4 ขั้นตอนสำคัญคือ
2.1 ขั้นสร้างความตระหนักให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับรู้สภาพปัญหาและความจำเป็น ร่วมกันวางแผน ร่วมตัดสินใจ ร่วมกันดำเนินการ ตามหลักการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน
2.2 ขั้นระดมทรัพยากรเพื่อการพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ สามารถระดมทรัพยากรโดยความร่วมมือของ ชุมชน ได้เงินทั้งสิ้น 368,000 บาท และจากงบประมาณทางราชการ 328,000 บาท
2.3 ขั้นดำเนินการตามกระบวนการการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน
ผลที่ได้รับจากการใช้กระบวนการการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ คือ อาคารเรียนชั้นอนุบาลได้รับการปรับปรุง ซ่อมแซมยกพื้นให้สูง ศาลาพักผ่อนด้รับการปรับปรุงซ่อมแซม มีสภาพมั่นคงแข็งแรง สนามเด็กเล่นและสนามBBL ได้รับการปรับปรุง ซ่อมแซม และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม จัดเป็นสัดส่วน สวยงามสนามกีฬา สระว่ายน้ำได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมให้ดี ปลอดภัย รั้วโรงเรียนครบทุกด้าน และสภาพภูมิทัศน์ในโรงเรียนมีความร่มรื่นสวยงามขึ้นกว่าเดิม หลังจากดำเนินการตามกระบวนการการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ทำให้สภาพแวดล้อมในโรงเรียนอนุบาลดอกคำใต้ (ชุมชนสันช้างหิน) มีสภาพที่เอื้อต่อการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น
3. ผลจากการศึกษาความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stake holder) ที่มีต่อการบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน โดยใช้แบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยใช้ประชากรเป็นนักเรียน จำนวน 33 คน ผู้ปกครองนักเรียน 64 คน ครู 8 คน และคณะกรรมการสถานศึกษา 7 คน รวม ความสมบูรณ์ของแบบสอบถาม มีความสมบูรณ์ จำนวน 112 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 100 นำมาแปลผลโดยใช้ค่าเฉลี่ย จากคะแนนเต็ม 5 ปรากฏผลดังนี้
4.1 นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด คะแนนเฉลี่ย 4.61
4.2 ผู้ปกครองนักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด คะแนนเฉลี่ย 4.61
4.3 ครูมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด คะแนนเฉลี่ย 4.84
4.4 คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด
คะแนนเฉลี่ย 4.86