บทคัดย่อ
ชื่องานวิจัย รายงานการพัฒนารูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
โรงเรียนหนองบัวฮีวิทยาคม
ผู้วิจัย นายนัทต์ธิพัฒน์ ภารสมบูรณ์
ปีที่พิมพ์ พ.ศ. 2563
การพัฒนารูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนหนองบัวฮีวิทยาคม มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบ การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนหนองบัวฮีวิทยาคม และ 2) เพื่อประเมินรูปแบบ การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนหนองบัวฮีวิทยาคม
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 1 คน และข้าราชการครูและบุคลกรทางการศึกษา โรงเรียนหนองบัวฮีวิทยาคม จำนวน 18 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม จำนวน 2 ชุด ได้แก่ 1) แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนหนองบัวฮีวิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี และ 2) แบบสอบถามความคิดเห็น เกี่ยวกับผลการใช้รูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนหนองบัวฮีวิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
สรุปผลการวิจัย
การพัฒนารูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนหนองบัวฮีวิทยาคม สรุปผลได้ดังนี้
1. ผลการวิเคราะห์ ความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนหนองบัวฮีวิทยาคม พบว่า
1) ด้านการส่งเสริมบุคลากร
ผู้บริหารและครู มีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ด้านการส่งเสริมบุคลากร มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.66) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า กิจกรรมด้านการส่งเสริมบุคลากร เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ การมีวิสัยทัศน์และวัตถุประสงค์ร่วมกัน ( x̄= 4.70) มีการสร้างความตระหนักความเข้าใจ ในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ( x̄= 4.68) และการส่งเสริมบุคลากร ในการปฏิบัติภารกิจ ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (x̄ = 4.62) ตามลำดับ
2) ด้านการพัฒนาบุคลากรในเรื่องกระบวนการเรียนรู้
ผู้บริหารและครู มีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ด้านการพัฒนาบุคลากรในเรื่องกระบวนการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.63) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า กิจกรรมด้านการพัฒนาบุคลากรในเรื่องกระบวนการเรียนรู้ โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ การนิเทศติดตามผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างสม่ำเสมอ (x̄ = 4.69) การรายงานผลการจัดกิจกรรมให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบ แล้วนำผลการจัดกิจกรรมไปปรับปรุงแก้ไขครั้งต่อไป ( x̄= 4.67) และการพัฒนาบุคลากรด้านการเรียนการสอนให้รู้จักเทคนิค และวิธีการสอนอย่างหลากหลาย (x̄ = 4.65) ตามลำดับ
3) ด้านการสร้างบรรยากาศแห่งการการเอื้ออาทร
ผู้บริหารและครู มีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ด้านการสร้างบรรยากาศแห่งการเอื้ออาทร มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.62) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า กิจกรรมด้านการสร้างบรรยากาศแห่งการการเอื้ออาทร โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ บุคลากร มีความรู้สึกที่เต็มใจ (Willingness) ในการดำเนินงาน (x̄ = 4.69) บุคลากรมีความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) กัน และร่วมมือกัน ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ( x̄= 4.66) และบุคลากรตระหนักและเข้าใจ ในความสำคัญของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ( x̄= 4.59) ตามลำดับ
4) ด้านการกำกับนิเทศติดตาม
ผู้บริหารและครู มีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ด้านการกำกับนิเทศติดตาม มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.63) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า กิจกรรมด้านการกำกับนิเทศติดตาม โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ สถานศึกษามีการกำหนดนโยบายและทิศทาง การนิเทศภายในสถานศึกษา ( x̄= 4.70) ครูมีส่วนร่วมในการวางแผนและกำหนดปฏิทินการนิเทศการเรียนการสอน (x̄ = 4.68) และการควบคุมกำกับ ติดตาม การนิเทศงานการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง (x̄ = 4.66) ตามลำดับ
5) ด้านการประสานความร่วมมือ ในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากบุคคล ครอบครัว ชุมชน หน่วยงานและสถานบันอื่นที่จัดการศึกษา
ผู้บริหารและครู มีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ด้านประสานความร่วมมือ ในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากบุคคล ครอบครัว ชุมชน หน่วยงานและสถาบันอื่นที่จัดการศึกษา มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.63) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า กิจกรรมด้านการประสาน ความร่วมมือ ในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากบุคคล ครอบครัว ชุมชน หน่วยงาน และสถานบันอื่น ที่จัดการศึกษา โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ การจัดทำปฏิทินประสานความร่วมมือ ในการยกระดับผมสัมฤทธิ์ทางการเรียนและดำเนินการ ตามกำหนดสม่ำเสมอ (x̄ = 4.70) การกำหนดเป้าหมายประสานความร่วมมือในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ( x̄= 4.69) และการรายงานผลดำเนินงานประสาน ความร่วมมือในการยกระดับผมสัมฤทธิ์ทางการเรียน ( x̄= 4.68) ตามลำดับ
2. ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นเกี่ยวกับ ผลการใช้รูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนโรงเรียนหนองบัวฮีวิทยาคม พบว่า
1) ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
ผู้บริหารและครู มีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.53) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า กิจกรรมด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ นักเรียน มีผลการประเมินการอ่านออกเขียนได้กว่าปีการศึกษา 2561 ( x̄= 4.70) นักเรียนมีผลการอ่านคิดวิเคราะห์สูงขึ้นกว่าปีการศึกษา 2561 ( x̄= 4.62) และจำนวนนักเรียนอ่านออกเขียนได้ตามเกณฑ์การประเมินสูงกว่า ปีการศึกษา 2561 ( x̄= 4.55) ตามลำดับ
2) ด้านประสิทธิภาพของครู
ผู้บริหารและครู มีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ด้านประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ของครู มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄= 4.64) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า กิจกรรมด้านประสิทธิภาพของครู โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ ครูและผู้ปกครองมีส่วนร่วม ในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (x̄ = 4.70) ครูมีการพัฒนาตนเอง โดยการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ในการพัฒนานักเรียน (x̄ = 4.69) และครูมีแผนการจัดการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ( x̄= 4.67) ตามลำดับ
3) ด้านประสิทธิภาพการดำเนินการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสถานศึกษาของผู้บริหาร
ผู้บริหารและครู มีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ด้านประสิทธิภาพการบริหารงานยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.67) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า กิจกรรมด้านประสิทธิภาพการดำเนินการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสถานศึกษาของผู้บริหาร โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ ผู้บริหารส่งเสริมการมีส่วนร่วม ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากทุกภาคส่วน ( x̄= 4.70) ผู้บริหารมีการกำกับนิเทศติดตามงาน ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (x̄ = 4.69) และผู้บริหารตระหนักและเห็นความสำคัญ ของการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ( x̄= 4.68) ตามลำดับ
3. ผลการพัฒนารูปแบบการบริหาสถานศึกษา โดยใช้ BCC Model จากกิจกรรม พบว่า ค่าเฉลี่ยของความคิดเห็นอยู่ในระดับมากขึ้นไปทุกกิจกรรม จึงยอมรับได้ว่า รูปแบบการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน มีความเหมาะสมและเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ