ความเป็นมา
ศิลปะและการประดิษฐ์ เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน ทั้งทางด้านความคิดและการกระทำ เพียงแต่ว่าบางคนไม่ได้สนใจ หรือไม่ได้คิดที่จะนำเอาประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม และความคิดจินตนาการ เหล่านั้นมาแสดงออกในรูปของงานสร้างสรรค์ ศิลปประดิษฐ์และสร้างสรรค์ แยกเป็น 2 แบบ คือ 2 มิติ ได้แก่ ภาพวาด ระบายสี หรืองานประดิษฐ์ที่มีเฉพาะความกว้างและความยาว ไม่มีความหนา ส่วนแบบที่เป็น 3 มิติ ได้แก่ รูปปั้น แกะสลัก หรืองานประดิษฐ์ที่มีลักษณะลอยตัว มีทั้งความกว้าง ความยาว และความหนา งานสร้างสรรค์ที่ดีจะใช้วัสดุอุปกรณ์ที่หาได้ง่าย มีราคาไม่แพง งานประดิษฐ์จะมีคุณค่า ถ้านำเอาวัสดุเหลือใช้ที่ไม่มีราคามาทำให้เกิดประโยขน์ และมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น งานประดิษฐ์เป็นงานส่งเสริมให้เกิดพัฒนาการของการใช้มือและสมองไปพร้อมๆ กัน โดยมุ่งเน้น และสนับสนุนให้เกิดการทดลอง ค้นคว้า เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ตามความถนัดของแต่ละคน ประโยชน์ของศิลปะประดิษฐ์และสร้างสรรค์ มีทั้งด้านสมองและร่างกาย เริ่มจากรู้จักคิด รู้จักทำความเข้าใจ รู้จักวางแผนงาน ฝึกการทำงานอย่างเป็นระบบ มีความฉลาด รอบรู้ เข้าใจถึงปัญหาและวิธีแก้ไข แล้วนำมาพัฒนาเป็นความรู้ และทำจนเกิดความชำนาญ เมื่อมีความชำนาญ ก็สามารถทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว รู้จักเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ได้ตรงกับความต้องการ สามารถคิดประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ และถ่ายทอดความคิดจินตนาการ เป็นผลงานประดิษฐ์ได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งถ้าได้ถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นออกไปให้มาก ก็จะเป็นแรงกระตุ้นให้มีการคิดค้น ดัดแปลง พัฒนา เกิดเป็นผลงานที่เน้นประโยชน์สูง และประหยัดสุด มากขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตที่มีคุณค่า คือชีวิตที่ได้ทำสิ่งดีๆ ที่ตัวเองชอบ แม้สิ่งนั้นจะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ ในสายตาของคนอื่น แต่ถ้ามันเกิดจากความรัก ความพึงพอใจ ทำให้มีความสุข สิ่งนั้นก็ทรงคุณค่าในตัวเอง ศิลปะประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์ขึ้น จึงเป็นของสะสมที่มีค่าทางใจสำหรับผู้ให้และผู้รับเสมอ
ผ้านั้นถูกนำไปใช้ประโยชน์ในหลายด้านแต่ที่พบมากที่สุดคือการนำไปใช้ตัดเย็บเสื้อผ้า ทำผ้าคลุมวัสดุต่างๆนอกจากนี้ยังนำไปผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านได้ และปัจจุบันภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาสำคัญของเรานับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จึงได้เอาเศษผ้า วัสดุเหลือใช้มาประยุกต์ในการทำศิลปะประดิษฐ์นี้
หลักการ
หลักสูตรศิลปประดิษฐ์ผ้าเป็นเป็นหลักสูตรที่เน้นการจัดการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทำ ที่เน้นการ บูรณาการเนื้อหาสาระภาคทฤษฎีควบคู่ไปกับการฝึกปฏิบัติจริง โดยการนำเอาผ้า วัสดุที่เหลือใช้นำมาประยุกต์ ผู้เรียนสามารถนำความรู้และทักษะไปประกอบอาชีพได้จริงอย่างมีคุณภาพและมีคุณธรรมจริยธรรม
จุดมุ่งหมาย
เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะดังนี้
1. มีความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำศิลปะประดิษฐ์จากผ้า
2. ตัดสินใจประกอบอาชีพอย่างมีคุณธรรมจริยธรรม
3. มีความรู้ความเข้าใจและฝึกทักษะการบริหารจัดการและการจัดตกแต่งเกี่ยวกับการทำ ศิลปะประดิษฐ์จากผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มเป้าหมาย
ประชาชนทั่วไป
ระยะเวลา
จำนวน 35 ชั่วโมง
ภาคทฤษฎี 5 ชั่วโมง
ภาคปฏิบัติ 30 ชั่วโมง
โครงการหลักสูตร
เรื่องที่ 1 ช่องทางการประกอบอาชีพ จำนวน 2 ชั่วโมง
1. ความสำคัญของการประกอบอาชีพ
2. ความเป็นไปได้ในการประกอบอาชีพ
3. แหล่งเรียนรู้ในการประกอบอาชีพ
4. ทิศทางในการพัฒนาการประกอบอาชีพ
เรื่องที่ 2 ทักษะการประกอบอาชีพ จำนวน 30 ชั่วโมง
1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศิลปประดิษฐ์จากผ้า
- ความหมาย ความสำคัญ คุณค่าของศิลปะปะดิษฐ์จากผ้า
- วัสดุ/อุปกรณ์ของศิลปประดิษฐ์จากผ้า
2. ขั้นตอนการผลิต
- การออกแบบสินค้า
- การเตรียมวัสดุ/อุปกรณ์
3. ขั้นตอนการทำศิลปะประดิษฐ์จากผ้า
เรื่องที่ 3 การบริหารจัดการในการประกอบอาชีพ จำนวน 3 ชั่วโมง
1. การเลือกทำเล ที่ตั้งร้าน และการจัดตกแต่งร้าน
2. การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า และการแสวงหาลูกค้า
3. การกำหนดราคา
4. การพัฒนารูปแบบสินค้า
5. คุณธรรม จริยธรรม ในการประกอบอาชีพ
วิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้
1. จัดทำกิจกรรมสำรวจและวิเคราะห์ตนเอง ทรัพยากร อาชีพ และความต้องการของตลาด เพื่อให้ผู้เรียนเห็นช่องทางในการประกอบอาชีพ
2. จัดกิจกรรมวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้กระบวนคิดเป็น และความเป็นไปได้ เพื่อการตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพ
3. ฝึกทักษะการประกอบอาชีพ
- เรียนรู้จากวิทยากร
- เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง
4. จัดกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ ในการประกอบอาชีพ การจัดการผลิต และการจัดการตลาด
สื่อการเรียนรู้
1. วิทยากรผู้ชำนาญด้านการทำศิลปประดิษฐ์จากผ้า
2. อุปกรณ์ประกอบการฝึกทักษะอาชีพ