ชื่องานประเมิน : รายงานผลการประเมินโครงการการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงาน
ของโรงเรียนเทศบาล 2 วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์
ผู้ประเมิน : ไพเราะ ใจชื่น
ปีที่ประเมิน : ปี 2560
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
การประเมินผลการพัฒนาโครงการการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ในครั้งนี้ เพื่อประเมินกระบวนการดำเนินงานของโครงการ โดยผู้ประเมินเลือกใช้ซิปโมเดล (CIPP Model) ตามแนวคิดของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) และขยายผลผลิตเป็น IEST การดำเนินการประเมินโครงการเพื่อพัฒนาครูให้มีความรู้ความสามารถในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานนั้น มีขอบเขตการพัฒนาออกเป็น 2 ด้าน คือ ขอบเขตด้านประชากร ที่ใช้ในการประเมินประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู เจ้าหน้าที่รับผิดชอบโครงการงานด้านวิชาการของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ปีการศึกษา 2560 จำนวน 38 คน และ ขอบเขตเนื้อหาการประเมิน เป็นรายด้าน คือ ด้านบริบท (Context) ด้านปัจจัยป้อน (Input) ด้านกระบวนการ (Process) ด้านผลผลิต (Product) ด้านผลกระทบของโครงการ (Impact) ด้านประสิทธิผลของโครงการ (Effectiveness) ด้านประเมินความยั่งยืนของโครงการ (Sustainability) ด้านประเมินการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ (Transportability) ผู้ประเมินได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์หาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และนำผล ที่ได้เปรียบเทียบกับระดับผลของการประเมินแต่ละรายการตามที่ได้กำหนดไว้ ผลที่ได้นำเสนอในรูปแบบตารางประกอบคำบรรยาย
ผลการประเมินโครงการพบว่า
1. ด้านการประเมินบริบท (Context ) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่า ด้านการประเมินสภาพแวดล้อมของโครงการเกี่ยวกับในภาพรวมของ ด้านบริบท (Context) ผลการประเมินมีคุณภาพอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อโดยเรียงลำดับดังนี้ คือโครงการนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของโรงเรียน รองลงมาได้แก่ กำหนดงานจัดประสบการณ์การเรียนรู้ไว้ในฝ่าย/งานได้ถูกต้องเหมาะสม และสามารถนำไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียน สามารถใช้ในการพัฒนาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของครูได้อย่างเหมาะสม สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และ ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ที่ได้คะแนนต่ำสุดได้แก่ โครงการนี้สอดคล้องกับการจัดการศึกษาทุกระดับ
2. ด้านการประเมินปัจจัยป้อน (Input) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินปัจจัยเบื้องต้นของโครงการ ในภาพรวมของ ด้านปัจจัยป้อน (Input) ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุดทุกข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า มีแผนการบริหารจัดการไว้อย่างชัดเจนเป็นขั้นตอน เฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ มีการส่งเสริมพัฒนาคณะครูในเรื่องเกี่ยวกับการวิธีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้โครงงานอย่างต่อเนื่องและมีการประเมินผลระหว่างการดำเนินงานเป็นระยะๆ อยู่ในระดับ มากที่สุด ส่วนที่มีผลการประเมินต่ำสุด คือมีการวิเคราะห์ภารกิจและกำหนดแผนการจัดประสบการณ์ที่หน่วยงานต้องมีและต้องใช้ในหนึ่งปีการศึกษา อยู่ในระดับ มากที่สุด
3. ด้านการประเมินกระบวนการ (Process) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินกระบวนการของโครงการ เกี่ยวกับในภาพรวมของ ด้านกระบวนการ (Process) ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด ทุกข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า มีการกำหนดระยะเวลาการประเมินไว้ชัดเจน, มีครูรับผิดชอบเป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการประเมินผลอย่างเป็นระบบ, มีการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนนำไปใช้ทุกครั้ง, มีแนวทางขั้นตอนวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ชัดเจน, มีการตรวจสอบผลการวิเคราะห์ทุกครั้ง, มีคณะครูที่เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโครงการเพื่อให้บริการโดยเฉพาะ และมีการรวบรวมเอกสารสรุปการประเมินไว้เป็นหลักฐาน เฉลี่ยสูงสุด ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือมีการแจ้งผลการตรวจสอบข้อมูลให้หน่วยงานทราบ ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด
4. ด้านการประเมินผลผลิต (Product) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินผลผลิตของโครงการ เกี่ยวกับในภาพรวมของ ด้านผลผลิต (Product) ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่าโรงเรียนมีโครงงานได้ครบตามเป้าหมายที่กำหนดไว้, สรุปผลการประเมินนำไปใช้ในการรายงาน และสรุปผลการประเมินที่ได้นำไปใช้ในการประชาสัมพันธ์ เฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับ มากที่สุด ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือการพัฒนาโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางลบ อยู่ในระดับ มากที่สุด
5. ด้านผลกระทบของโครงการ (Impact) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินผลกระทบของโครงการ เกี่ยวกับความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริหารระดับเทศบาลต่อโรงเรียน, ความเชื่อมั่นของนักเรียนรุ่นน้องต่อพัฒนาการของเด็กทุกคนและผู้ปกครองให้การสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับ มากที่สุด รองลงมาได้แก่ ความเชื่อมั่นของผู้ปกครองต่อและผู้ปกครองให้ความร่วมมือในกิจกรรมของโรงเรียน ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือชุมชนให้การสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียน อยู่ในระดับ มากที่สุด
6. ด้านประสิทธิผลของโครงการ (Effectiveness) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินประสิทธิผลของโครงการ เกี่ยวกับประสิทธิภาพด้านวิชาการของนักเรียนด้านการดำเนินงานที่คุ้มค่า และความพึงพอใจที่มีต่อผลผลิตของโครงการ ในภาพรวมของ ด้านประสิทธิผลของโครงการ ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่ามีความพึงพอใจของผู้ปกครองที่แสดงต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานและมีความพร้อมในการที่จะเรียนต่อในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานต่อไป อยู่ในระดับ มากที่สุด รองลงมาได้แก่ ความพร้อมด้านพัฒนาการของเด็กที่เรียนจบชั้นอนุบาลปีที่ 3 ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือเด็กมีทักษะกระบวนการและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ อยู่ในระดับ มากที่สุด
7. ด้านประเมินความยั่งยืนของโครงการ (Sustainability) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินความยั่งยืนของโครงการ เกี่ยวกับความสามารถในการบูรณาการความรู้ ทักษะ และกระบวนการปฏิบัติของนักเรียน โดยในภาพรวมของ ด้านความยั่งยืนของโครงการ พบว่า ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุดทุกข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ครูสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาศักยภาพในการจัดประสบการณ์เรียนรู้แบบโครงงาน เฉลี่ยสูงสุด รองลงมาได้แก่ ครูความสามารถนำความรู้ทักษะกระบวนการปฏิบัติที่ได้รับไปพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ของนักเรียน, นักเรียนมีทักษะกระบวนการและความชำนาญในการปฏิบัติกิจกรรม และ ครูสามารถบูรณาการความรู้ ทักษะกระบวนการปฏิบัติไปใช้ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ มีเฉลี่ยอยู่ในระดับ มากที่สุด
8. ด้านประเมินการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ (Transportability) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ เกี่ยวกับความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของนักเรียนในภาพรวมของ ด้านการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ พบว่าผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุดทุกรายข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่าสามารถต่อยอดองค์ความรู้ในระดับที่สูงขึ้นได้ อยู่ในระดับ มากที่สุด รองลงมาได้แก่ ความสามารถในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือครูสามารถให้คำปรึกษาแก่เพื่อนครูได้ อยู่ในระดับ มากที่สุด
ชื่องานประเมิน : รายงานผลการประเมินโครงการการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงาน
ของโรงเรียนเทศบาล 2 วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์
ผู้ประเมิน : ไพเราะ ใจชื่น
ปีที่ประเมิน : ปี 2560
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
การประเมินผลการพัฒนาโครงการการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ในครั้งนี้ เพื่อประเมินกระบวนการดำเนินงานของโครงการ โดยผู้ประเมินเลือกใช้ซิปโมเดล (CIPP Model) ตามแนวคิดของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) และขยายผลผลิตเป็น IEST การดำเนินการประเมินโครงการเพื่อพัฒนาครูให้มีความรู้ความสามารถในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานนั้น มีขอบเขตการพัฒนาออกเป็น 2 ด้าน คือ ขอบเขตด้านประชากร ที่ใช้ในการประเมินประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู เจ้าหน้าที่รับผิดชอบโครงการงานด้านวิชาการของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ปีการศึกษา 2560 จำนวน 38 คน และ ขอบเขตเนื้อหาการประเมิน เป็นรายด้าน คือ ด้านบริบท (Context) ด้านปัจจัยป้อน (Input) ด้านกระบวนการ (Process) ด้านผลผลิต (Product) ด้านผลกระทบของโครงการ (Impact) ด้านประสิทธิผลของโครงการ (Effectiveness) ด้านประเมินความยั่งยืนของโครงการ (Sustainability) ด้านประเมินการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ (Transportability) ผู้ประเมินได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์หาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และนำผล ที่ได้เปรียบเทียบกับระดับผลของการประเมินแต่ละรายการตามที่ได้กำหนดไว้ ผลที่ได้นำเสนอในรูปแบบตารางประกอบคำบรรยาย
ผลการประเมินโครงการพบว่า
1. ด้านการประเมินบริบท (Context ) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่า ด้านการประเมินสภาพแวดล้อมของโครงการเกี่ยวกับในภาพรวมของ ด้านบริบท (Context) ผลการประเมินมีคุณภาพอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อโดยเรียงลำดับดังนี้ คือโครงการนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของโรงเรียน รองลงมาได้แก่ กำหนดงานจัดประสบการณ์การเรียนรู้ไว้ในฝ่าย/งานได้ถูกต้องเหมาะสม และสามารถนำไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียน สามารถใช้ในการพัฒนาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของครูได้อย่างเหมาะสม สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และ ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ที่ได้คะแนนต่ำสุดได้แก่ โครงการนี้สอดคล้องกับการจัดการศึกษาทุกระดับ
2. ด้านการประเมินปัจจัยป้อน (Input) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินปัจจัยเบื้องต้นของโครงการ ในภาพรวมของ ด้านปัจจัยป้อน (Input) ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุดทุกข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า มีแผนการบริหารจัดการไว้อย่างชัดเจนเป็นขั้นตอน เฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ มีการส่งเสริมพัฒนาคณะครูในเรื่องเกี่ยวกับการวิธีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้โครงงานอย่างต่อเนื่องและมีการประเมินผลระหว่างการดำเนินงานเป็นระยะๆ อยู่ในระดับ มากที่สุด ส่วนที่มีผลการประเมินต่ำสุด คือมีการวิเคราะห์ภารกิจและกำหนดแผนการจัดประสบการณ์ที่หน่วยงานต้องมีและต้องใช้ในหนึ่งปีการศึกษา อยู่ในระดับ มากที่สุด
3. ด้านการประเมินกระบวนการ (Process) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินกระบวนการของโครงการ เกี่ยวกับในภาพรวมของ ด้านกระบวนการ (Process) ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด ทุกข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า มีการกำหนดระยะเวลาการประเมินไว้ชัดเจน, มีครูรับผิดชอบเป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการประเมินผลอย่างเป็นระบบ, มีการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนนำไปใช้ทุกครั้ง, มีแนวทางขั้นตอนวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ชัดเจน, มีการตรวจสอบผลการวิเคราะห์ทุกครั้ง, มีคณะครูที่เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโครงการเพื่อให้บริการโดยเฉพาะ และมีการรวบรวมเอกสารสรุปการประเมินไว้เป็นหลักฐาน เฉลี่ยสูงสุด ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือมีการแจ้งผลการตรวจสอบข้อมูลให้หน่วยงานทราบ ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด
4. ด้านการประเมินผลผลิต (Product) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินผลผลิตของโครงการ เกี่ยวกับในภาพรวมของ ด้านผลผลิต (Product) ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่าโรงเรียนมีโครงงานได้ครบตามเป้าหมายที่กำหนดไว้, สรุปผลการประเมินนำไปใช้ในการรายงาน และสรุปผลการประเมินที่ได้นำไปใช้ในการประชาสัมพันธ์ เฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับ มากที่สุด ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือการพัฒนาโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางลบ อยู่ในระดับ มากที่สุด
5. ด้านผลกระทบของโครงการ (Impact) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินผลกระทบของโครงการ เกี่ยวกับความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริหารระดับเทศบาลต่อโรงเรียน, ความเชื่อมั่นของนักเรียนรุ่นน้องต่อพัฒนาการของเด็กทุกคนและผู้ปกครองให้การสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับ มากที่สุด รองลงมาได้แก่ ความเชื่อมั่นของผู้ปกครองต่อและผู้ปกครองให้ความร่วมมือในกิจกรรมของโรงเรียน ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือชุมชนให้การสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียน อยู่ในระดับ มากที่สุด
6. ด้านประสิทธิผลของโครงการ (Effectiveness) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินประสิทธิผลของโครงการ เกี่ยวกับประสิทธิภาพด้านวิชาการของนักเรียนด้านการดำเนินงานที่คุ้มค่า และความพึงพอใจที่มีต่อผลผลิตของโครงการ ในภาพรวมของ ด้านประสิทธิผลของโครงการ ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่ามีความพึงพอใจของผู้ปกครองที่แสดงต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานและมีความพร้อมในการที่จะเรียนต่อในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานต่อไป อยู่ในระดับ มากที่สุด รองลงมาได้แก่ ความพร้อมด้านพัฒนาการของเด็กที่เรียนจบชั้นอนุบาลปีที่ 3 ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือเด็กมีทักษะกระบวนการและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ อยู่ในระดับ มากที่สุด
7. ด้านประเมินความยั่งยืนของโครงการ (Sustainability) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินความยั่งยืนของโครงการ เกี่ยวกับความสามารถในการบูรณาการความรู้ ทักษะ และกระบวนการปฏิบัติของนักเรียน โดยในภาพรวมของ ด้านความยั่งยืนของโครงการ พบว่า ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุดทุกข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ครูสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาศักยภาพในการจัดประสบการณ์เรียนรู้แบบโครงงาน เฉลี่ยสูงสุด รองลงมาได้แก่ ครูความสามารถนำความรู้ทักษะกระบวนการปฏิบัติที่ได้รับไปพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ของนักเรียน, นักเรียนมีทักษะกระบวนการและความชำนาญในการปฏิบัติกิจกรรม และ ครูสามารถบูรณาการความรู้ ทักษะกระบวนการปฏิบัติไปใช้ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ มีเฉลี่ยอยู่ในระดับ มากที่สุด
8. ด้านประเมินการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ (Transportability) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ เกี่ยวกับความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของนักเรียนในภาพรวมของ ด้านการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ พบว่าผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุดทุกรายข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่าสามารถต่อยอดองค์ความรู้ในระดับที่สูงขึ้นได้ อยู่ในระดับ มากที่สุด รองลงมาได้แก่ ความสามารถในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือครูสามารถให้คำปรึกษาแก่เพื่อนครูได้ อยู่ในระดับ มากที่สุด
ชื่องานประเมิน : รายงานผลการประเมินโครงการการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงาน
ของโรงเรียนเทศบาล 2 วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์
ผู้ประเมิน : ไพเราะ ใจชื่น
ปีที่ประเมิน : ปี 2560
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
การประเมินผลการพัฒนาโครงการการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ในครั้งนี้ เพื่อประเมินกระบวนการดำเนินงานของโครงการ โดยผู้ประเมินเลือกใช้ซิปโมเดล (CIPP Model) ตามแนวคิดของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) และขยายผลผลิตเป็น IEST การดำเนินการประเมินโครงการเพื่อพัฒนาครูให้มีความรู้ความสามารถในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานนั้น มีขอบเขตการพัฒนาออกเป็น 2 ด้าน คือ ขอบเขตด้านประชากร ที่ใช้ในการประเมินประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู เจ้าหน้าที่รับผิดชอบโครงการงานด้านวิชาการของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ปีการศึกษา 2560 จำนวน 38 คน และ ขอบเขตเนื้อหาการประเมิน เป็นรายด้าน คือ ด้านบริบท (Context) ด้านปัจจัยป้อน (Input) ด้านกระบวนการ (Process) ด้านผลผลิต (Product) ด้านผลกระทบของโครงการ (Impact) ด้านประสิทธิผลของโครงการ (Effectiveness) ด้านประเมินความยั่งยืนของโครงการ (Sustainability) ด้านประเมินการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ (Transportability) ผู้ประเมินได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์หาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และนำผล ที่ได้เปรียบเทียบกับระดับผลของการประเมินแต่ละรายการตามที่ได้กำหนดไว้ ผลที่ได้นำเสนอในรูปแบบตารางประกอบคำบรรยาย
ผลการประเมินโครงการพบว่า
1. ด้านการประเมินบริบท (Context ) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่า ด้านการประเมินสภาพแวดล้อมของโครงการเกี่ยวกับในภาพรวมของ ด้านบริบท (Context) ผลการประเมินมีคุณภาพอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อโดยเรียงลำดับดังนี้ คือโครงการนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของโรงเรียน รองลงมาได้แก่ กำหนดงานจัดประสบการณ์การเรียนรู้ไว้ในฝ่าย/งานได้ถูกต้องเหมาะสม และสามารถนำไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียน สามารถใช้ในการพัฒนาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของครูได้อย่างเหมาะสม สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และ ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ที่ได้คะแนนต่ำสุดได้แก่ โครงการนี้สอดคล้องกับการจัดการศึกษาทุกระดับ
2. ด้านการประเมินปัจจัยป้อน (Input) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินปัจจัยเบื้องต้นของโครงการ ในภาพรวมของ ด้านปัจจัยป้อน (Input) ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุดทุกข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า มีแผนการบริหารจัดการไว้อย่างชัดเจนเป็นขั้นตอน เฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ มีการส่งเสริมพัฒนาคณะครูในเรื่องเกี่ยวกับการวิธีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้โครงงานอย่างต่อเนื่องและมีการประเมินผลระหว่างการดำเนินงานเป็นระยะๆ อยู่ในระดับ มากที่สุด ส่วนที่มีผลการประเมินต่ำสุด คือมีการวิเคราะห์ภารกิจและกำหนดแผนการจัดประสบการณ์ที่หน่วยงานต้องมีและต้องใช้ในหนึ่งปีการศึกษา อยู่ในระดับ มากที่สุด
3. ด้านการประเมินกระบวนการ (Process) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินกระบวนการของโครงการ เกี่ยวกับในภาพรวมของ ด้านกระบวนการ (Process) ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด ทุกข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า มีการกำหนดระยะเวลาการประเมินไว้ชัดเจน, มีครูรับผิดชอบเป็นเจ้าหน้าที่ดำเนินการประเมินผลอย่างเป็นระบบ, มีการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนนำไปใช้ทุกครั้ง, มีแนวทางขั้นตอนวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ชัดเจน, มีการตรวจสอบผลการวิเคราะห์ทุกครั้ง, มีคณะครูที่เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโครงการเพื่อให้บริการโดยเฉพาะ และมีการรวบรวมเอกสารสรุปการประเมินไว้เป็นหลักฐาน เฉลี่ยสูงสุด ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือมีการแจ้งผลการตรวจสอบข้อมูลให้หน่วยงานทราบ ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด
4. ด้านการประเมินผลผลิต (Product) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินผลผลิตของโครงการ เกี่ยวกับในภาพรวมของ ด้านผลผลิต (Product) ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่าโรงเรียนมีโครงงานได้ครบตามเป้าหมายที่กำหนดไว้, สรุปผลการประเมินนำไปใช้ในการรายงาน และสรุปผลการประเมินที่ได้นำไปใช้ในการประชาสัมพันธ์ เฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับ มากที่สุด ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือการพัฒนาโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) สังกัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางลบ อยู่ในระดับ มากที่สุด
5. ด้านผลกระทบของโครงการ (Impact) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินผลกระทบของโครงการ เกี่ยวกับความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริหารระดับเทศบาลต่อโรงเรียน, ความเชื่อมั่นของนักเรียนรุ่นน้องต่อพัฒนาการของเด็กทุกคนและผู้ปกครองให้การสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับ มากที่สุด รองลงมาได้แก่ ความเชื่อมั่นของผู้ปกครองต่อและผู้ปกครองให้ความร่วมมือในกิจกรรมของโรงเรียน ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือชุมชนให้การสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียน อยู่ในระดับ มากที่สุด
6. ด้านประสิทธิผลของโครงการ (Effectiveness) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินประสิทธิผลของโครงการ เกี่ยวกับประสิทธิภาพด้านวิชาการของนักเรียนด้านการดำเนินงานที่คุ้มค่า และความพึงพอใจที่มีต่อผลผลิตของโครงการ ในภาพรวมของ ด้านประสิทธิผลของโครงการ ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่ามีความพึงพอใจของผู้ปกครองที่แสดงต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานและมีความพร้อมในการที่จะเรียนต่อในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานต่อไป อยู่ในระดับ มากที่สุด รองลงมาได้แก่ ความพร้อมด้านพัฒนาการของเด็กที่เรียนจบชั้นอนุบาลปีที่ 3 ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือเด็กมีทักษะกระบวนการและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ อยู่ในระดับ มากที่สุด
7. ด้านประเมินความยั่งยืนของโครงการ (Sustainability) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินความยั่งยืนของโครงการ เกี่ยวกับความสามารถในการบูรณาการความรู้ ทักษะ และกระบวนการปฏิบัติของนักเรียน โดยในภาพรวมของ ด้านความยั่งยืนของโครงการ พบว่า ผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุดทุกข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ครูสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาศักยภาพในการจัดประสบการณ์เรียนรู้แบบโครงงาน เฉลี่ยสูงสุด รองลงมาได้แก่ ครูความสามารถนำความรู้ทักษะกระบวนการปฏิบัติที่ได้รับไปพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ของนักเรียน, นักเรียนมีทักษะกระบวนการและความชำนาญในการปฏิบัติกิจกรรม และ ครูสามารถบูรณาการความรู้ ทักษะกระบวนการปฏิบัติไปใช้ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ มีเฉลี่ยอยู่ในระดับ มากที่สุด
8. ด้านประเมินการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ (Transportability) หลังการดำเนินโครงการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานของโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดภูเขาดิน) พบว่าด้านการประเมินการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ เกี่ยวกับความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของนักเรียนในภาพรวมของ ด้านการถ่ายโยงความรู้ของโครงการ พบว่าผลการประเมินอยู่ในระดับ มากที่สุดทุกรายข้อ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่าสามารถต่อยอดองค์ความรู้ในระดับที่สูงขึ้นได้ อยู่ในระดับ มากที่สุด รองลงมาได้แก่ ความสามารถในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือครูสามารถให้คำปรึกษาแก่เพื่อนครูได้ อยู่ในระดับ มากที่สุด