ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการวิจัยและการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model

เรื่อง รายงานการวิจัยและการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model

เรื่อง โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

ผู้วิจัย ขนิษฐา ลำทุมลักษณ์

กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์

ปีการศึกษา 2561

บทคัดย่อ

การวิจัยและการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ดังนี้ 3.1 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน 3.2 เปรียบเทียบทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน 3.3 ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 4) เพื่อขยายผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนเทศบาล วัดเสาธงทอง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวนนักเรียน 46 คนได้มาโดยการสุ่มแบบเป็นกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2561 ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2561 กลุ่มขยายผลรูปแบบครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนเทศบาลวัดเสาธงทอง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวนนักเรียน 43 คน

ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย คือ ปีการศึกษา 2561 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3) แบบทดสอบทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติ t-test (Dependent Samples)

ผลการวิจัย พบว่า

ผลการวิจัยและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สามารถสรุปผลการวิจัย ดังนี้

1. ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า 1) ครูสอนเน้นทักษะการคำนวณมากกว่าวิธีการแก้ปัญหา หรือกระบวนการแก้ปัญหา 2) นักเรียนขาดทักษะในการอ่านและทำความเข้าใจโจทย์ปัญหา 3) ภาษาและคำที่ใช้ในโจทย์ปัญหาไม่กระตุ้นหรือส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความคิดเชิงวิเคราะห์หรือไม่เหมาะสมกับวัยและสติปัญญาของเด็ก ทำให้นักเรียนไม่เข้าใจคำศัพท์หรือโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ 4) นักเรียนขาดความสามารถในการคิดคำนวณ ขาดทักษะการบวก ลบ คูณและหาร 5) นักเรียนด้อยสมรรถภาพในการคิดในใจ ไม่รู้จักคะเนหรือประมาณคำตอบ 6) นักเรียนขาดการคิดหาเหตุผล มองไม่เห็นความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่าง ๆ ที่โจทย์กำหนดให้ 7) นักเรียนใช้วิธีการในการแก้โจทย์ปัญหาผิด เพราะไม่ได้นำเอาทฤษฎี กฎเกณฑ์ สูตรต่าง ๆ หรือความรู้ที่เรียนมาไปใช้ในการแก้โจทย์ปัญหา 8) นักเรียนขาดความสนใจและตั้งใจที่จะแก้โจทย์ปัญหา มีสาเหตุมาจากนักเรียนไม่สนใจ 9) เวลาที่ใช้ในการเรียนการสอนโจทย์ปัญหาไม่เหมาะสมหรือไม่เพียงพอ และ10) นักเรียนมีความสะเพร่า นำตัวเลขหรือโจทย์ปัญหามาคิดคำนวณผิด

2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีองค์ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ ดังนี้ 1) หลักการ แนวคิด ทฤษฎีพื้นฐาน 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 4) ระบบสังคม 5) หลักการตอบสนอง และ 6) ระบบสนับสนุน โดยใช้แนวคิดทฤษฎีพื้นฐานที่สนับสนุน ได้แก่ ทฤษฎีเมตาคอกนิชัน (Metacognition) แนวคิดการคิดแบบฮิวริสติกส์ (Heuristics) แนวคิดการสะท้อนคิด (Reflection) และแนวคิดปัญหาแบบเปิดทางคณิตศาสตร์ซึ่งในขั้นตอนการจัดการเรียนรู้มี 4 ขั้น ดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความรู้ (Knowledge Awareness : K) ขั้นที่ 2 ขั้นคิดค้นคำตอบ (Advanced Answer : A) ประกอบด้วย 1) เข้าใจปัญหา 2) สร้างภาพตัวแทนปัญหา 3) วางแผนแก้ปัญหา 4) ดำเนินการแก้ปัญหา 5) ประเมินผลการแก้ปัญหา ขั้นที่ 3 ขั้นเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Learn from practice : L) ขั้นที่ 4 ขั้นอภิปราย สรุปผล (Discussion : D) ผลการหาค่าประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.64/81.49

3. ประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ดังนี้ 1) นักเรียนที่เรียนตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) นักเรียนที่เรียนตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) นักเรียนที่เรียนตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจของนักเรียนหลังการใช้รูปแบบ อยู่ในระดับมาก

4. ผลการขยายผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่านักเรียนกลุ่มขยายผลการวิจัยที่เรียนตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KALD Model เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์สูงกว่าก่อนเรียน และ มีความพึงพอใจหลังเรียนอยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย boom : [4 มิ.ย. 2563 เวลา 14:47 น.]
อ่าน [4902] ไอพี : 58.11.88.133
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,237 ครั้ง
การซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด
การซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด

เปิดอ่าน 16,092 ครั้ง
5 กลิ่นอาหาร ที่จะช่วยให้คุณผอม!
5 กลิ่นอาหาร ที่จะช่วยให้คุณผอม!

เปิดอ่าน 10,462 ครั้ง
สร้างความรู้ใหม่ คือหัวใจปฏิรูปการศึกษา : เสรี พงศ์พิศ
สร้างความรู้ใหม่ คือหัวใจปฏิรูปการศึกษา : เสรี พงศ์พิศ

เปิดอ่าน 10,576 ครั้ง
การศึกษา สู่สนามแข่งขันเวทีอาเซียน ให้จับตาเวียดนาม
การศึกษา สู่สนามแข่งขันเวทีอาเซียน ให้จับตาเวียดนาม

เปิดอ่าน 22,730 ครั้ง
วิธีเลือกของขวัญมีค่า-ไม่แพง
วิธีเลือกของขวัญมีค่า-ไม่แพง

เปิดอ่าน 18,257 ครั้ง
Windows XP มีโปรแกรมซ่อนอยู่ตั้ง 23 โปรแกรม
Windows XP มีโปรแกรมซ่อนอยู่ตั้ง 23 โปรแกรม

เปิดอ่าน 11,650 ครั้ง
เด็กแรกเกิด เรียนไวกว่าผู้ใหญ่ มีฐานการเรียนรู้ขณะนอนหลับติดมากับตัว
เด็กแรกเกิด เรียนไวกว่าผู้ใหญ่ มีฐานการเรียนรู้ขณะนอนหลับติดมากับตัว

เปิดอ่าน 16,055 ครั้ง
10 อาหารอุดมแคลเซียม ที่จะช่วยคุณลดน้ำหนักได้
10 อาหารอุดมแคลเซียม ที่จะช่วยคุณลดน้ำหนักได้

เปิดอ่าน 10,335 ครั้ง
เคล็ดของการมีอายุครบ 100 ปี ต้องมีคู่ออกกำลังและหมั่นล้างมือ
เคล็ดของการมีอายุครบ 100 ปี ต้องมีคู่ออกกำลังและหมั่นล้างมือ

เปิดอ่าน 24,825 ครั้ง
ความผิดปกติที่เกิดจากการนอนส่งผลต่อสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด
ความผิดปกติที่เกิดจากการนอนส่งผลต่อสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด

เปิดอ่าน 14,534 ครั้ง
คลิป"เล่นน้ำสงกรานต์อย่างปลอดภัย" โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
คลิป"เล่นน้ำสงกรานต์อย่างปลอดภัย" โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เปิดอ่าน 38,079 ครั้ง
ชุดประจำชาติต่างๆ ในอาเซียน
ชุดประจำชาติต่างๆ ในอาเซียน

เปิดอ่าน 23,775 ครั้ง
คลิปโครงการ "ลดพุงลดโรค 90 วินาที" โดย สสส. ที่กำลังฮิตสุดๆ ในขณะนี้
คลิปโครงการ "ลดพุงลดโรค 90 วินาที" โดย สสส. ที่กำลังฮิตสุดๆ ในขณะนี้

เปิดอ่าน 13,606 ครั้ง
เก็บหนังสือเก่าไม่ให้ขึ้นรา
เก็บหนังสือเก่าไม่ให้ขึ้นรา

เปิดอ่าน 16,388 ครั้ง
ตามไปดูต้นแบบความสำเร็จ การปฏิรูปการศึกษา 5 ประเทศ
ตามไปดูต้นแบบความสำเร็จ การปฏิรูปการศึกษา 5 ประเทศ

เปิดอ่าน 10,695 ครั้ง
“งานขาย-บริการ-อาหาร” อาชีพที่นายจ้างต้องการคนร่วมงาน
“งานขาย-บริการ-อาหาร” อาชีพที่นายจ้างต้องการคนร่วมงาน
เปิดอ่าน 11,161 ครั้ง
วิธีแต่งบ้านคลายร้อน
วิธีแต่งบ้านคลายร้อน
เปิดอ่าน 17,655 ครั้ง
มะละกอ กินเท่าไหร่ไม่เคยพอ
มะละกอ กินเท่าไหร่ไม่เคยพอ
เปิดอ่าน 21,547 ครั้ง
8 ตำรับใช้ข้าวเป็นยารักษาโรค
8 ตำรับใช้ข้าวเป็นยารักษาโรค
เปิดอ่าน 12,614 ครั้ง
ขจัดกลิ่นเหม็น ภายในบ้าน
ขจัดกลิ่นเหม็น ภายในบ้าน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ