ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CIPPA Model เรื่อง หลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

สำคัญ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้

วีระชัย ชาปู่ : การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CIPPA Model เรื่อง หลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. 315 หน้า

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CIPPA Model เรื่อง หลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CIPPA Model เรื่อง หลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3. เพื่อทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CIPPA Model เรื่อง หลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 4. เพื่อประเมินและปรับปรุงชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CIPPA Model เรื่อง หลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในประเด็นต่อไปนี้ 4.1 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.2 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CIPPA Model เรื่อง หลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๔ (วัดมหาธาตุวรวิหาร) สังกัดเทศบาลเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 2 ห้องเรียน รวม 73 คน

กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๔ (วัดมหาธาตุวรวิหาร) สังกัดเทศบาลเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 1 ห้องเรียน จำนวน 35 คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยวิธีจับสลาก โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CIPPA Model เรื่อง หลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 6 ชุด 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาความต้องการและข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CIPPA Model เรื่อง หลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากการวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาล ๔ (วัดมหาธาตุวรวิหาร) ผู้วิจัยสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ CIPPA Model เรื่อง หลักการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ มีดังนี้ 1) ชื่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) คู่มือการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 3) คำชี้แจงการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 4) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ CIPPA Model 5) สื่อประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 6) เครื่องมือวัดประเมินผล 7) แบบทดสอบท้ายชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 8) แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม

2. ผลการพัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่าผู้วิจัยได้พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ขึ้นมา 6 ชุด ประกอบด้วย 1. ความหมายและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์ 2. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ 3. ขั้นตอนการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ 4. การจัดทำข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ 5. การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ 6. การนำเสนอและการประเมินผลโครงงานคอมพิวเตอร์ จากนั้น ผู้วิจัยหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้พบว่าขั้นทดลองแบบรายบุคคล (One–to–one Try out) มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 68.07/68.33 ขั้นทดลองแบบกลุ่มเล็ก (Small group Try out) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 73.45/73.89 และขั้นทดลองแบบภาคสนาม (Field Try out ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีประสิทธิภาพ 80.91/81.00 ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80

3. ผลการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้กับกลุ่มตัวอย่าง พบว่า มีประสิทธิภาพ 82.94/83.14 ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80 และเป็นไปตามสมมติฐานข้อ 1

4. ผลการประเมินผลและปรับปรุงแก้ไขชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้วิจัยได้นำชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไปใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง 4.1 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีผลคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อ 2 4.2 ผลการศึกษาความพึงพอใจ พบว่านักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยเฉลี่ย (x ̅) เท่ากับ 4.48 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.02 อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก

โพสต์โดย ิbaimon : [31 พ.ค. 2563 เวลา 22:22 น.]
อ่าน [4177] ไอพี : 58.11.82.249
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 23,014 ครั้ง
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557

เปิดอ่าน 14,375 ครั้ง
คลิปฮ็อต "บัวขาว" ไล่ถลุง "ลี ซุง ฮุน" นักมวยโสมยับ แห่ชม 1.5 แสนวิวแล้ว
คลิปฮ็อต "บัวขาว" ไล่ถลุง "ลี ซุง ฮุน" นักมวยโสมยับ แห่ชม 1.5 แสนวิวแล้ว

เปิดอ่าน 10,381 ครั้ง
9 ตุลาคม วันไปรษณีย์โลก
9 ตุลาคม วันไปรษณีย์โลก

เปิดอ่าน 14,548 ครั้ง
แนวปฏิบัติในการโอนบุคลากรด้านการศึกษาในสถานศึกษาไป อปท.
แนวปฏิบัติในการโอนบุคลากรด้านการศึกษาในสถานศึกษาไป อปท.

เปิดอ่าน 10,576 ครั้ง
หูป่วย! เพราะโลกใบนี้..
หูป่วย! เพราะโลกใบนี้..

เปิดอ่าน 15,767 ครั้ง
แนวปฏิบัติการเสนอหนังสือราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แนวปฏิบัติการเสนอหนังสือราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เปิดอ่าน 23,617 ครั้ง
"กำจัดจุดอ่อน" ผลงานทางวิชาการ สาขาภาษาไทย
"กำจัดจุดอ่อน" ผลงานทางวิชาการ สาขาภาษาไทย

เปิดอ่าน 10,800 ครั้ง
5 สูตรสวยด้วยเกลือ
5 สูตรสวยด้วยเกลือ

เปิดอ่าน 48,924 ครั้ง
เรื่องของเลนส์
เรื่องของเลนส์

เปิดอ่าน 15,831 ครั้ง
อะไรคือ "คุณภาพแท้" ของการศึกษา
อะไรคือ "คุณภาพแท้" ของการศึกษา

เปิดอ่าน 10,959 ครั้ง
สู่ความสำเร็จในการทำงานตามแนวพุทธ
สู่ความสำเร็จในการทำงานตามแนวพุทธ

เปิดอ่าน 11,855 ครั้ง
ปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยโอนโรงเรียนให้ท้องถิ่น
ปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยโอนโรงเรียนให้ท้องถิ่น

เปิดอ่าน 13,629 ครั้ง
เคล็ดลับคั้นมะนาวให้ได้น้ำมาก
เคล็ดลับคั้นมะนาวให้ได้น้ำมาก

เปิดอ่าน 9,492 ครั้ง
คลิปช้างกินไอโฟน
คลิปช้างกินไอโฟน

เปิดอ่าน 12,780 ครั้ง
8 วิธีคลายเครียดทันใจ
8 วิธีคลายเครียดทันใจ

เปิดอ่าน 48,341 ครั้ง
เคล็ดลับการออกกำลังกายให้ได้ผล
เคล็ดลับการออกกำลังกายให้ได้ผล
เปิดอ่าน 24,213 ครั้ง
ครู-คนสอนคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์สอนคน
ครู-คนสอนคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์สอนคน
เปิดอ่าน 11,229 ครั้ง
ตามไปดูการศึกษานอกหลักสูตร : ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ คำตอบสุดท้ายจะออกมาอย่างไร
ตามไปดูการศึกษานอกหลักสูตร : ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ คำตอบสุดท้ายจะออกมาอย่างไร
เปิดอ่าน 11,855 ครั้ง
ปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยโอนโรงเรียนให้ท้องถิ่น
ปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยโอนโรงเรียนให้ท้องถิ่น
เปิดอ่าน 14,015 ครั้ง
นี่คือ 5 เหตุผล ทำไมผู้ใหญ่เล่นโซเชียล แล้วอันตรายกว่าวัยรุ่น
นี่คือ 5 เหตุผล ทำไมผู้ใหญ่เล่นโซเชียล แล้วอันตรายกว่าวัยรุ่น

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ