บทสรุปผู้บริหาร
กระบวนการการพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน โรงเรียนชุมแพศึกษา ในแนวทางพัฒนาตามกรอบกระบวนการ หลักการของการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม ที่เป็นตัวเชื่อมโยงวิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมายที่ทุกฝ่ายได้ร่วมกันกำหนดขึ้นให้เป็นรูปธรรมในเชิงแผนงาน และไปประยุกต์ใช้ให้เกิดเป็นวิสัยทัศน์ร่วมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะและเป็นโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ในหลักการสำคัญ กล่าวคือ การระดมความคิด การร่วมวางแผน การร่วมลงมือทำ การร่วมติดตามประเมินผล การรับประโยชน์ร่วมกัน ที่เชื่อมโยงกระบวนการบริหารจัดการที่ประกอบด้วย นโยบายการจัดการและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การบริหารจัดการและพัฒนาบุคลากร ภาวะผู้นำ การสร้างแรงจูงใจปฏิบัติงาน ระบบข้อมูลการติดตามผล การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในการพัฒนาบุคลากรครูให้มีสมรรถนะแบบมืออาชีพของการจัดการเรียนรู้นำสู่ประสิทธิผลในผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนอย่างเข้มแข็ง ตามกรอบ ของหลักการสำคัญและกระบวนการบริหารจัดการของโรงเรียนชุมแพศึกษา ดังนี้
1. หลักการสำคัญ
1.1 การระดมความคิด : จากการร่วมกำหนดค่านิยมที่คาดหวัง และมุ่งดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จในการสร้างภาพความสำเร็จในอนาคตของโรงเรียนอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมงานจากการนำวิสัยทัศน์ และพันธกิจสู่การปฏิบัติ เพื่อให้เกิดเป้าหมายร่วมกัน
1.2 การร่วมวางแผน : จากการกำหนดนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานกลยุทธ์ในการกำหนดทิศทางการดำเนินงาน ร่วมวิเคราะห์ปัญหาและเสนอความต้องการของบุคลากรครูในการพัฒนาเพื่อสร้างสมรรถนะแห่งตนแบบมืออาชีพในการกำหนดหลักสูตร กิจกรรมโครงการเพื่อพัฒนาผู้เรียน
1.3 การร่วมลงมือทำ : จากการพัฒนาในรูปแบบบูรณาการ สามารถเกื้อกูลให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเชิงบวกและมีคุณภาพจากการนำกิจกรรมหรือโครงการไปปฏิบัติ และกำกับดูแลการดำเนินงานตามระบบและการปฏิบัติการ อย่างมีเป้าหมายที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์การพัฒนา
1.4 การร่วมติดตามประเมินผล : จากการนิเทศติดตามการประเมินผลการจัดการศึกษาผลการจัดการศึกษา
1.5 การรับประโยชน์ร่วมกัน : จากการจัดการศึกษาที่ส่งผลต่อการสร้างแรงจูงใจและบรรยากาศการเรียนรู้ ระหว่างผู้บริหารและบุคลากร ทุกระดับของการบริหารจัดการไปสู่ความสำเร็จจากการมีวิสัยทัศน์ร่วมที่การคำนึงถึงประโยชน์ ในระยะยาวและต่อเนื่อง สร้างเครือข่ายที่บุคลากรและผู้เกี่ยวข้องมาสัมพันธ์กันของความร่วมมือในการพัฒนาการจัดการศึกษาเกิดประโยชน์สูงสุดที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
2 กระบวนการการบริหารจัดการสถานศึกษา
2.1 นโยบายการจัดการและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ : จากการตอบสนองต่อการบรรลุซึ่งผลประโยชน์ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคง การจัดการระบบการศึกษาทั้งด้านทักษะอาชีพและทักษะชีวิตในการศึกษา การทำงาน การดำรงชีวิต การวางแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกับเป้าหมายตัวชี้วัดความสำเร็จการดำเนินงาน ปฏิบัติการได้จริง การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นพลเมืองในศตวรรษที่ 21 การสร้างคลังข้อมูลสารสนเทศ สื่อ และจัดบริการนวัตกรรมผ่านระบบเทคโนโลยีดิจิทัล
2.2 การบริหารจัดการและพัฒนาบุคลากร : จากการพัฒนาให้บุคลากรครูมีสมรรถนะ ความรู้ และทักษะการใช้เทคโนโลยีอย่างบูรณาการในการดำเนินการและการปฏิบัติการจัดการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย โดยการวิเคราะห์ผลลัพธ์ วิธีการพัฒนาในรูปแบบบูรณาการให้สามารถเกื้อกูลในทิศทางเชิงบวก และให้ความสำคัญกับการพัฒนาและฝึกอบรมให้บุคลากรมีความชำนาญ กระตุ้นให้พัฒนาความรู้ และสร้างนวัตกรรมทางการศึกษามาใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตามความพร้อมได้ทุกที่ทุกเวลา
2.3 ภาวะผู้นำ : จากการมีวิสัยทัศน์ ความคิดกว้างไกล สามารถตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในสภาวการณ์ที่กดดัน ใช้ความรอบรู้เชิงวิชาการ ใช้เทคโนโลยีมาประยุกต์ในการบริหารจัดการงานอย่างเหมาะสมคุ้มค่าที่ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีมและนำกระบวนการคิดไปใช้ในการปฏิบัติการให้เกิดเป้าหมายร่วมกัน เน้นธรรมาภิบาล นำความรู้ที่บูรณาการการบริหารจัดการงานในทุกด้านของสถานศึกษาให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ จากการกำหนดค่านิยมที่คาดหวัง ที่อยู่บนพื้นฐานของกลยุทธ์ในการกำหนดทิศทางการดำเนินงาน
2.4 การสร้างแรงจูงใจปฏิบัติงาน : จากการกำหนดสิ่งจูงใจผลตอบแทนการปฏิบัติงานสัมฤทธิ์ผล เสริมสร้างการทำงานในลักษณะการเกื้อกูลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการปฏิบัติงาน และสร้างความภาคภูมิใจในการทำงานให้กับบุคลากรทุกส่วนฝ่ายและกระตุ้นให้ทำงานอย่างเต็มศักยภาพและประสิทธิภาพ
2.5 ระบบข้อมูลการติดตามผล : จากการประเมินกำกับติดตามและตรวจสอบผลปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ปรับปรุงการปฏิบัติงานโดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการประเมิน สร้างระบบจัดเก็บรวบรวมข้อมูล ระบบเทคโนโลยีที่คลอบคลุม พัฒนาและประเมินผลการปฏิบัติงานบุคลากรที่มีเป้าหมายสู่อนาคต
2.6 การสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ : จากการสร้างเครือข่ายและส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ระหว่างบุคลากรทุกระดับ ให้อำนาจแก่ผู้ปฏิบัติในการดำเนินการตามภาระงาน สร้างความเข้าใจ และใช้ข้อมูลผลปฏิบัติงานจากการดำเนินงาน และแผนปฏิบัติการที่มุ่งประโยชน์ผู้เรียนเป็นฐานผ่านกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นคนดี คนเก่ง มีความสุข
โดยผลสำเร็จการนำไปใช้ของกระบวนการการบริหารจัดการสถานศึกษาส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ด้านผลสัมฤทธิ์ในค่าคะแนนการทดสอบมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ใน 5 กลุ่มสาระ ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาฯ ภาษาอังกฤษ คะแนนการทดสอบมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในปีการศึกษา 2561 เพิ่มขึ้น 3.90 และคะแนนการทดสอบมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษา 2561 เพิ่มขึ้น 2.29 และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยภาพรวมของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 โรงเรียนชุมแพศึกษา ในปีการศึกษา 2561 ภาพรวมเฉลี่ยร้อยละ 95.69 อยู่ในระดับดีเยี่ยม
การบริหารจัดการศึกษามีความสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จ ทำให้การบริหารงานในสถานศึกษา ต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์และตัวชี้วัดความสำเร็จ ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานในรูปแบบบูรณาการเพื่อผลักดันยุทธศาสตร์ให้เกิดผล และพัฒนาครูให้มีสมรรถนะเพื่อเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ทรงความรู้ ความสามารถในการพัฒนาตนเองให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยอาศัยผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ความรู้ ความสามารถและมีคุณธรรมในการบริหารงาน จึงจะทำให้สถานศึกษาประสบความสำเร็จตามความมุ่งหวัง
วิไลศักดิ์ วรรณศรี
ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมแพศึกษา
มกราคม, 2563
รายงานการวิจัย : การพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษาที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน โรงเรียนชุมแพศึกษา
ผู้วิจัย : วิไลศักดิ์ วรรณศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมแพศึกษา
ปีที่วิจัย : 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพอันพึงประสงค์ของการบริหารบริหารจัดการสถานศึกษา 2) พัฒนากระบวนการการบริหารจัดการสถานศึกษา 3) ศึกษาผลสำเร็จการนำไปใช้ของการบริหารจัดการสถานศึกษา และ 4) ศึกษาผลกระทบต่อการบริหารจัดการสถานศึกษา ใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการของการเก็บรวบรวมข้อมูล จากแบบศึกษาเอกสาร และแบบสัมภาษณ์กับกลุ่มเป้าหมาย 24 คน และแบบประเมินความเหมาะสมกับกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ 15 คน และแบบสอบถามในการสำรวจกับกลุ่มตัวอย่าง 1,161 คน ของการดำเนินการใน 4 ระยะ การวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้การวิเคราะห์ 3 ขั้นตอน คือ การลดทอนข้อมูล การจัดระบบข้อมูล และการตีความนำไปสู่บทสรุป ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ใช้สถิติเชิงพรรณนา หาค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนี PNI Modified
ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันและสภาพอันพึงประสงค์ของการบริหารจัดการสถานศึกษา ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยภาพรวมสภาพปัจจุบัน อยู่ในระดับปานกลลาง ส่วนภาพรวมสภาพอันพึงประสงค์ อยู่ในระดับมากที่สุด และการจัดลำดับความสำคัญตามความต้องการจำเป็นสูงสุด คือ ด้านการระดมความคิด (PNI Modified= 0.74) 2) กระบวนการการบริหารจัดการสถานศึกษา ในหลักการสำคัญ ได้แก่ การระดมความคิด การร่วมวางแผน การร่วมลงมือทำ การร่วมติดตามประเมินผล และการรับประโยชน์ร่วมกัน ที่มีองค์ประกอบของกระบวนการ คือ นโยบายจัดการและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การบริหารจัดการและพัฒนาบุคลากร ภาวะผู้นำ การสร้างแรงจูงใจปฏิบัติงาน ระบบข้อมูลการติดตามผล การสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ ความเหมาะสมของกระบวนการการบริหารจัดการสถานศึกษาภาพรวมอยู่ในระดับมาก 3) ผลสำเร็จการนำไปใช้ของการบริหารจัดการสถานศึกษา ด้านผลสัมฤทธิ์ในค่าคะแนนการทดสอบ (O-NET) ของนักเรียนเพิ่มขึ้น ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์อยู่ในระดับดีเยี่ยม และด้านความพึงพอใจต่อการบริหารจัดการสถานศึกษา ภาพรวมอยู่ในระดับมาก และ 4) ผลกระทบต่อการบริหารจัดการสถานศึกษาการส่งเสริมการบริหารจัดการและการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ บนฐานวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม
คำสำคัญ : กระบวนการการบริหารจัดการสถานศึกษา, การส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์และคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์, นักเรียนของโรงเรียนชุมแพศึกษา
Research Title : Developing School Management for Effective to Achievement and
Characteristics of Students in Chumphaesuksa School
Authors : Vilaisak Wannasri, Director of Chumphaesuksa School
Duration Years : 2018
ABSTRACT
This research in the objective aimed for; 1) studying current and desirable conditions of school management, 2) developing the process of school management, 3) studying the successful effective to used of school management, and 4) studying an impact of school management. This action research to the collection by documentary study and interview questionnaire with 24 key informants, the evaluation questionnaire of suitability with 15 professionals, and the questionnaire to survey with 1,161 samples of the data to 4 phases. The data analysis for the qualitative data was analyzed by using three main stages, i.e., data reduction, data organization, data interpretation to conclusion, the quantitative data was analyzed by descriptive statistical analysis including mean, standard deviation, modified priority needs index (PNI Modified).
The results to followed; 1) The current and desirable conditions of school management was considered to be an important of extremely. Overall, the current conditions at a level of middle levels, and the desirable conditions at a level of most levels. And the prioritizing as necessary was brainstorming (PNI Modified= 0.74). 2) The process of school management in key principles including brainstorming, planning joint, participation joint, monitoring and evaluation joint , and mutual benefit, to factors of the process were management policy and strategic planning, management and personnel development, leadership, creating work motivation, tracking information system, and creating a learning atmosphere. And suitability of the process of school management at a level of high levels. 3) the successful effective to used of school management on the achievement in test scores (O-NET) of the students to highest, and characteristics of students at a level of excellent levels, and satisfaction to school management at a level of high levels. 4) An impact of school management from the promotion of management and development of learning management for focusing achievement based on participation cultural.
Keywords: Process of school management, effective to achievement and characteristics,
Students of Chumphaesuksa school.