บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์ 80/80 3. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ก่อนเรียนและหลังเรียน 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยกำหนดรูปแบบการทดลองแบบหนึ่งกลุ่มทดสอบก่อนเรียนและ หลังเรียน (OneGroup Pretest Posttest Design) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4 โรงเรียนบัวขาว จำนวน 46 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย รูปแบบการเรียนการสอน ตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ แบบประเมินความสอดคล้องของรูปแบบการเรียนการสอน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดความสามารถในการเรียนรู้ (คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่า) และแบบสอบถามความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t-test) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการเรียนกาสอนที่พัฒนาขึ้นนี้มีชื่อว่า PARCA Model โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้ หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา กระบวนการเรียนการสอน รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้น มีกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Preparation : P) หมายถึง ขั้นนำนักเรียนเข้าสู่บทเรียน หรือเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากความสงสัยของตัวผู้เรียน หรือครูสร้างสถานการณ์ขึ้นมาให้นักเรียนเกิดความอยากรู้ เช่น สถานการณ์ เหตุการณ์ในแต่ละวันที่เข้ากับเรื่องที่จะสอน 2. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis : A) หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญของการจัดการเรียนการสอนที่ประกอบด้วยขั้นตอนย่อยๆ ดังนี้ (1) คิดวิเคราะห์ จากปัญหาและสถานการณ์ที่กําหนด (2) คิดสังเคราะห์ เป็นกระบวนการหรือผลของการนำเอาปัจจัยสองอย่างหรือมากกว่าที่แยกกัน โดยเฉพาะความคิด นำมารวมกันเข้าเป็นหนึ่ง ด้วยวิธีการใหม่(3) คิดประเมินค่าเป็นการตีราคาสิ่งต่างๆ อย่างมีหลักเกณฑ์ ว่าสิ่งนั้นมีคุณค่า ดี-เลว ถูกต้องตรงตามเป้าหมายเพียงไร เชื่อถือได้หรือไม่ สอดคล้องหรือขัดแย้งกับสิ่งใดบ้าง 3. ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความคิด (Reflection : R) หมายถึง การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนกับเพื่อน หรือครูกับนักเรียน ซึ่งเป็นการอธิบายสิ่งที่ตนเองคิด จากการปฏิบัติ หรือจากการได้สังเกต และฟังเพื่อนพูด สิ่งที่จำได้จากกระบวนการคิด ความรู้สึก ภาพจินตนาการ เจตคติ ทักษะ ความคิดที่เกิดขึ้นได้จากการเรียนรู้อะไรบ้าง เรียนรู้ที่ได้จากการศึกษาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันมาสรุปเป็นผังความคิด หรือโครงงาน โครงการ เขียนตอบ บรรยาย เขียนรายงาน
4. ขั้นสรุป (Conclusion : C) เป็นขั้นที่ผู้เรียนสรุปผลจากการการศึกษาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันมาสรุปในรูปแบบต่างๆ 5. ขั้นประเมินผลการเรียนรู้ (Evaluation : E) หมายถึง ประเมินผลการเรียนรู้จากการสินใจเลือกแก้ปัญหาที่ผู้เรียนตรวจสอบความรู้ใหม่ หรือความรู้ที่ได้จากขั้นสรุปว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่
2. ประสิทธิภาพ (E1/E2) ของรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่ากับ 85.50 /81.90 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80 / 80 ปรากฏว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3. ความสามารถในการเรียนรู้ (คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่า) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่า หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด