ชื่อผลงาน การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาฟิสิกส์ 5 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคโพลยา (Polya) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 โรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา
ชื่อเจ้าของผลงาน นางสาวฐิติมา ขวัญดี โรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
1. ความสำคัญและความเป็นมา
การแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพที่มุ่งหวัง และเป็นไปในแนวทาง
เดียวกันกับการจัดการศึกษาระดับชาติที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญ รวมถึงการศึกษาวิทยาศาสตร์สำหรับหลักสูตร ขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ผู้เรียนได้เรียนวิทยาศาสตร์ที่เน้นกระบวนการไปสู่องค์ความรู้ โดยผู้เรียนมีส่วนร่วม ในการเรียนทุกขั้นตอนในกิจกรรมที่หลากหลาย การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้เป็นวิธีการหนึ่งที่มุ่งส่งเสริมผู้เรียนศึกษาค้นคว้าหาความรู้ คิดค้น แก้ปัญหาหาคำตอบจากปัญหา
2. วัตถุประสงค์
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับ
เทคนิคโพลยา ( Polya ) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวรนนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา
3. หลักการและแนวคิด
การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ หมายถึง วิธีการที่ครูจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นการพัฒนา
ความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยวิธีการฝึกให้นักเรียนรู้จักศึกษาค้นคว้าหาความรู้ โดยครูผู้สอนกระตุ้นให้ผู้เรียนใช้กระบวนการทางความคิดหาเหตุผลจนค้นพบความรู้หรือแนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วยตนเองสรุปเป็นหลักการ กฎเกณฑ์หรือวิธีการในการแก้ปัญหา และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ในสภาพต่างๆได้ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน
1.1 ขั้นการสร้างความสนใจ (Engagement) หมายถึง ขั้นตอนการนำเข้าสู่บทเรียนโดยครูให้นักเรียนได้
เรียนเรื่องที่เกี่ยวกับเนื้อหาในหลักสูตร ซึ่งอาจเกิดขึ้นเองจากความสงสัย
1.2 ขั้นสำรวจและค้นคว้า (Exploration) หมายถึง ขั้นตอนที่ผู้เรียนทำความเข้าใจในประเด็น หรือคำถามที่สนใจศึกษาอย่างถ่องแท้แล้วก็มีการวางแผนกำหนดแนวทางการสำรวจ ตรวจสอบ ตั้งสมมติฐาน กำหนดแนวทางที่เป็นไปได้ ลงมือปฏิบัติในการเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อสนเทศหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ
1.3 ขั้นอธิบายและสรุปผล (Explanation) หมายถึง ขั้นตอนที่ผู้เรียนได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสำรวจ
ตรวจสอบแล้ว จึงนำข้อมูลข้อสนเทศที่ได้มาวิเคราะห์ แปลผลและนำเสนอผลที่ได้ในรูปต่างๆ เช่น บรรยายสรุป
สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ หรือวาดรูป สร้างตาราง โดยร่วมกับเทคนิคการแก้ปัญหาของโพลยา
1.3.1 เข้าใจปัญหา หมายถึง การระบุปัญหาที่กำหนดให้ ทำความเข้าใจในปัญหาว่าปัญหานั้น
ต้องการทราบอะไร
1.3.2 วางแผนแก้ปัญหา หมายถึง การมองเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาว่าการแก้ปัญหาจะใช้วิธีการ
ใดได้บ้างและจะเลือกใช้วิธีการใดในการแก้ปัญหา
1.3.3 ดำเนินการแก้ปัญหา หมายถึง การเลือกวิธีการและปฏิบัติการตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อหา
คำตอบของปัญหา
1.3.4 ตรวจสอบ หมายถึง การตรวจสอบผลของการแก้ปัญหาว่าถูกต้องหรือไม่และสามารถใช้ผล
หรือวิธีการแก้ปัญหาอื่นได้หรือไม่
1.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) หมายถึง ขั้นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิม หรือ
แนวคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติม หรือนำแบบจำลองหรือข้อสรุปที่ได้ ไปอธิบายสถานการณ์อื่นๆ ทำให้เกิดความรู้กว้างขวาง
1.5 ขั้นประเมิน (Evaluation) หมายถึง ขั้นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่างๆ นักเรียนมีความรู้อะไรบ้าง อย่างไร และมากน้อยเพียงใดโดยประมาณ โดยใช้การพิจารณาจากการนำความรู้หรือแบบจำลองไปใช้อธิบาย หรือประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์อื่นๆ
4. กระบวนการผลิตงานหรือขั้นตอนการดำเนินงาน (วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ)
1. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน เก็บคะแนนที่ได้จาก
การทดสอบก่อนเรียนไว้เปรียบเทียบกับคะแนนที่ได้จากการทดสอบหลังเรียน
2. ทดลองตามแผนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับเทคนิคการแก้ปัญหาของโพลยา
3. ทำแบบทดสอบหลังเรียนโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน
4. ตรวจให้คะแนน แล้วนำคะแนนที่ได้จากการทดสอบแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มาวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติ
5. ผลการดำเนินงาน ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับเทคนิคโพลยา
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนฟิสิกส์สูงกว่าก่อนเรียน
6. ปัจจัยความสำเร็จ
1. การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ครูควรมีบทบาทสำคัญในการจัดสภาพแวดล้อม ประสบการณ์
เตรียมการ คอยช่วยเหลือแนะนำ ทุกขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้ พร้อมทั้งคอยสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นรายบุคคลเพื่อจะได้ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะการคิดอย่างมีประสิทธิภาพเต็มตาม
ศักยภาพของแต่ละบุคคล
2. ทักษะกระบวนการกลุ่ม เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ก่อนที่จะดำเนินการสอนครูผู้สอนควรจะทำการวิเคราะห์ผู้เรียนว่ามีทักษะเกี่ยวกับกระบวนการกลุ่มมากน้อยเพียงใด ถ้าหากพบว่าผู้เรียน
ยังขาดทักษะกระบวนการกลุ่ม ผู้สอนควรแนะนำและฝึกทักษะการทำงานกลุ่มให้กับผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงานทุกขั้นตอน
3.การจัดแหล่งเรียนรู้หรือแหล่งทรัพยากรให้กับผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าควรมีหลากหลายและผู้สอนควรจัดเตรียมแหล่งเรียนรู้ให้เพียงพอกับผู้เรียนทั้งในห้องเรียน นอกห้องเรียน และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม นำมาสนับสนุนความรู้ที่ค้นพบและทักษะการแสวงหาความรู้
7. บทเรียนที่ได้รับ
1. ควรศึกษาผลการใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ในระดับชั้นอื่นๆ หรือนำไปประยุกต์ใช้ใน
รายวิชาอื่นๆ
2. ควรศึกษาเพื่อเปรียบเทียบการคิดแก้ปัญหาด้วยรูปแบบการสอนอื่นๆ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ต่อไป