ผู้ประเมิน นายบรรเจิด กลิ่นจันทร์
หน่วยงาน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2
ปีที่ประเมิน ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การประเมินโครงการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการดำเนินโครงการพัฒนาการอ่าน การเขียนภาษาไทยโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 โดยใช้ การวิเคราะห์ระบบ (System Analysis Approach) มาประยุกต์ใช้เป็นรูปแบบในการประเมินโครงการใน 3 ด้าน คือ ด้านปัจจัยเบื้องต้น (Input Evaluation) ด้านกระบวนการ (Process Evaluation) และด้านผลผลิต (Output Evaluation)
แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ประกอบด้วย ครูและนักเรียนของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์เขต 2 ประจำปีการศึกษา 2561 จำนวนทั้งสิ้น 883 คน จำแนกเป็นครู จำนวน 32 คน และนักเรียน จำนวน 851 คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลจำนวนทั้งสิ้น 297 คน จำแนกเป็นครู จำนวน 32 คน เลือกมาแบบเจาะจง (Purposive Selection) และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลที่เป็นนักเรียน จำนวน 265 คน ซึ่งกำหนดขนาดของกลุ่มผู้ให้ข้อมูลที่เป็นนักเรียนโดยการเปิดตาราง Krejcie และ Morgan และเลือกกลุ่มผู้ให้ข้อมูลโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลมี 3 ประเภท ได้แก่ แบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 3 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แบบทดสอบมีลักษณะเป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 2 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ และแบบประเมิน มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 2 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการประเมินสรุปได้ ดังนี้
1. ผลการประเมินปัจจัยนำเข้าในการดำเนินงานโครงการพัฒนาการอ่าน การเขียนภาษาไทยโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 พบว่า ในภาพรวม ครูมีความเห็นว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก และผ่านเกณฑ์การประเมินทุกเรื่อง
2. ผลการประเมินกระบวนการในการดำเนินงานโครงการพัฒนาการอ่าน การเขียนภาษาไทยโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 พบว่า ในภาพรวม ครูมีความเห็นว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก และผ่านเกณฑ์การประเมินทุกเรื่อง
3. ผลการประเมินผลผลิตของพัฒนาการอ่าน การเขียนภาษาไทยโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 พบว่า
3.1 ผลการประเมิน ความรู้ ความเข้าใจของครู ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ครูแต่ละคนมีคะแนนร้อยละหลังการประชุมฯสูงขึ้นทุกคนและได้คะแนนหลังการประชุมฯร้อยละ70.2 ขึ้นไป ทุกคน และผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้
3.2 ผลการประเมิน ครูมีความสามารถในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พบว่า โดยภาพรวมครูมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก และและผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้
3.3 ผลการประเมิน ครูมีความสามารถในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พบว่า โดยภาพรวมครูมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก และและผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้
3.4 ผลการประเมินความสามารถในด้านการอ่าน การเขียนภาษาไทยของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พบว่า โรงเรียนที่มีผลการประเมินการอ่านอยู่ในระดับดีขึ้นไปร้อยละของนักเรียนเพิ่มขึ้น จำนวน 28 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 87.50 และ โรงเรียนที่มีผลการประเมินการเขียนอยู่ในระดับดีขึ้นไปร้อยละของนักเรียนเพิ่มขึ้น จำนวน 25 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 78.13 และผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้
3.5 ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อโครงการพัฒนาการอ่าน การเขียนภาษาไทยโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 พบว่า ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก และและผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้
ข้อจำกัดของการประเมิน
ในการประเมินโครงการครั้งนี้ ผู้ประเมินดำเนินการประเมินโครงการพัฒนาการอ่าน การเขียนภาษาไทย โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 ซึ่งดำเนินการกับนักเรียนระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 ของโรงเรียนที่มีผลการประเมินการอ่าน การเขียน ตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อยู่ในระดับพอใช้ลงมา จำนวน 32 โรงเรียนเท่านั้น เนื่องจากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 32 โรงเรียนมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องได้รับการพัฒนาการอ่าน การเขียนภาษาไทยให้มีประสิทธิ์ภาพเพราะเป็นพื้นฐานการเรียนในระดับที่สูงขึ้น
ข้อเสนอแนะของการประเมิน
1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้
1.1 ด้านปัจจัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 ควรจัดการอบรม หรือศึกษาดูงานสำนักงานพื้นที่การศึกษาที่มีการบริหารจัดการและการพัฒนาการอ่านการเขียนภาษาไทยโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning ที่ประสบผลสำเร็จ และควรจัดการอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ธุรการแต่ละโรงเรียนในเรื่อง การดำเนินการดูแลระบบ e-Mes : ระบบติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย โครงการและกิจกรรมของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
1.2 ด้านกระบวนการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 ควรมีการประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาการอ่าน การเขียนภาษาไทย โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อย่างต่อเนื่องและหลากหลายช่องทาง
1.3 ด้านผลผลิต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 ควรเน้นการทำงานเป็นกลุ่ม และการลงมือปฏิบัติจริงสำหรับนักเรียนในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งอาจจัดกิจกรรมกลางแจ้งและ/หรือจัดกิจกรรมในร่มตามสภาพความเหมาะสม ในแต่ละฤดูเพื่อให้นักเรียนมีความสุขในการเรียนรู้และสามารถใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning อย่างมีคุณภาพตลอดจนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงยิ่งขึ้น
2. ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป
2.1 ควรศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของโครงการพัฒนาการอ่านการเขียนภาษาไทยโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 เพื่อเป็นสารสนเทศในการปรับปรุงพัฒนาโครงการให้มีความเข็มแข็งและความต่อเนื่องยั่งยืนตลอดไป
2.2 ควรศึกษากระบวนการพัฒนาความร่วมมือระหว่างโรงเรียนกับชุมชนในการส่งเสริมพัฒนาครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning
2.3 ควรศึกษาเทคนิควิธีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning ในรูปแบบกิจกรรมที่หลากหลายในการส่งเสริมพัฒนาครู ให้สามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบแบบ Active Learning อย่างมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น