ชื่อเรื่อง ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 5E+3T เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนและส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
ผู้วิจัย นางพรพิมาน ยุบลวัฒน์
โรงเรียน โรงเรียนกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ 46130
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 5E+3T เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 5E+3T เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ 3) เปรียบเทียบความสามารถทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียน เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 5E+3T และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 5E+3T เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ซึ่งได้มาโดยการจับสลาก (Simple Random Sampling) จากห้องที่ผู้ศึกษาปฏิบัติหน้าที่สอน จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 5E+3T จำนวน 9 แผน รวมแผนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ใช้เวลา 16 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดความสามารถทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และผลสัมฤทธิ์ทางการผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 1 ฉบับ 40 ข้อ มีค่าความยากง่ายรายข้อตั้งแต่ 0.52 - 0.79 มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.39 0.75 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.90 และ 4) แบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 5E+3T เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.65 0.89 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.92 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมุติฐานใช้ t-test (แบบ Dependent Samples) ผลการศึกษา พบว่า
1. ประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 5E+3T เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ (E1)/(E2) เท่ากับ 82.50/81.29 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 5E+3T เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนและส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ มีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.7329 หมายความว่า นักเรียน มีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 73.29
3. นักเรียนที่เรียนรู้ เรื่อง หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 5E+3T เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์มีค่าคะแนนเฉลี่ยความสามารถทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และผลสัมฤทธิ์
ทางการผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง
หลักการนับเบื้องต้นและความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ 5E+3T เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.69