ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
ผลการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่มีต่อทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ด้านการสังเกตและด้านการสื่อความหมาย ของเด็กปฐมวัย ชั้นเตรียมอนุบาล (3-4ปี)

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เจริญก้าวหน้า รวมทั้งสร้างเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ ประเทศไทยได้

เล็งเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การที่จะส่งเสริมพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์

และเทคโนโลยีจะต้องอาศัยการวางรากฐานทางการศึกษาที่มีคุณภาพ ดังนั้นจึงมีความจำเป็น

เร่งด่วนที่จะยกระดับการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ศึกษา เพื่อทำให้คนไทยทุกคนมีความรู้ความ

เข้าใจในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเป็นรากฐานในการดำเนินชีวิตอย่างรู้เท่าทัน และนำไปสู่

การพัฒนาที่ยั่งยืน (ภูมิศักดิ์ อินทนนท์และคณะ 2543 : บทนำ ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติได้จัดทำร่างนโยบายการปฏิรูปวิทยาศาสตร์ของไทย จุดมุ่งหมายของการจัดทำนโยบายการปฏิรูปวิทยาศาสตร์ศึกษาของไทย เพื่อที่จะให้การจัดวิทยาศาสตร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นพื้นฐานในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระยะยาวให้กับประเทศไทย มีการกำหนดวิสัยทัศน์ว่า วิทยาศาสตร์จะเป็นเครื่องมือในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ โดยมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีความรู้ ความเข้าใจพื้นฐาน สามารถคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล และดำรงชีวิตในสังคมได้เป็นอย่างดี มีการจัดการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ 2544 : 210)

วิทยาศาสตร์จึงมีความสำคัญที่ควรส่งเสริมการเรียนรู้ทุกระดับชั้น ในหลักสูตรการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย เป็นการส่งเสริมความอยากรู้ อยากเห็น เด็กปฐมวัยได้รับประสบการณ์ตรง ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง จากการสังเกต ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า หยิบ จับ สัมผัส โดยเด็กจะเริ่มจากการได้ยินเสียง การสังเกตสิ่งต่าง ๆ ได้จับต้อง ได้ลิ้มรสและดมกลิ่น ดังนั้นเด็กจะได้ใช้ประสาทรับรู้ทุกส่วนเพื่อช่วยในการเรียนรู้ ฝึกการคิด แก้ปัญหาอย่างมีเหตุผลผ่านกิจกรรมที่หลากหลายได้แก่ การทดลอง การสำรวจ ศึกษานอกสถานที่ ในขณะที่เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมเด็กได้ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มากระตุ้นการเรียนรู้ ครูใช้คำถามกระตุ้นให้เด็กคิดหาคำตอบด้วยตนเอง เป็นการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ตอบสนองธรรมชาติ และส่งเสริมพัฒนาการเด็กในการเรียนรู้โลกธรรมชาติ สามารถพัฒนาเด็กทุกด้านอย่างเป็นองค์รวม โดยเฉพาะพัฒนาทักษะทางสติปัญญา สอดคล้องกับประสาท เนืองเฉลิม (2546 : 23) กล่าวว่า การนำวิธีการเรียนทางวิทยาศาสตร์สอดแทรกในการเรียนการสอนระดับปฐมวัยจะส่งเสริมให้เด็กเกิดการคิดอย่างเป็นระบบและศึกษาสิ่งต่าง ๆ ด้วยทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาใช้กระตุ้นพัฒนาการทุกด้านให้เกิดขึ้นอย่างสมดุลและเต็มศักยภาพ และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2554 : 1-2) กล่าวถึงความสำคัญการจัดประสบการณ์การเรียนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยว่า ช่วยให้เด็กได้พัฒนาความตระหนักรู้ (Cognition) เกี่ยวกับ

สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกรอบตัว เด็กจะได้รับการส่งเสริมและตอบสนองต่อคำถามที่เกิดขึ้นระหว่างการสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเองอย่างเหมาะสมและทันท่วงที และได้ฝึกฝนการจัดโครงสร้างความคิดจากประสบการณ์ที่ได้รับ ซึ่งเป็นการวางพื้นฐานโครงสร้างกรอบแนวคิด (Conceptual framework) เกี่ยวกับโลกธรรมชาติรอบตัวให้ถูกต้อง เหมาะสมตั้งแต่ในระดับปฐมวัย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก เมื่อเติบโตขึ้น การเรียนวิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย ช่วยให้เด็กพัฒนาคุณลักษณะตามวัยที่สำคัญ 4 ด้านได้แก่ ด้านร่างกาย เช่น ขณะทำกิจกรรมการสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า มีการเคลื่อนไหวและใช้อุปกรณ์วิทยาศาสตร์อย่างง่ายในการทำกิจกรรม ทำให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็กได้รับการพัฒนา ด้านอารมณ์และจิตใจ เช่น กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้สำรวจและทดลองสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เด็กจะได้รับการฝึกฝนให้รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองในการทำกิจกรรม รู้จักใช้เหตุผลในการทำการสำรวจและอธิบายสิ่งต่าง ๆ รู้จักตัดสินใจในการเลือกวิธีการทดลองและยอมรับผลที่เกิดขึ้น ได้แสดงผลงานจากการสำรวจและแสดงความสามารถของตนเอง ด้านสังคม เช่น การทำกิจกรรมสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เด็กจะได้ฝึกการช่วยเหลือตนเอง รู้จักทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ ในกลุ่มย่อย รู้จักการให้และการรับ รู้จักการรอคอยและฝึกการปฏิบัติตามกฎระเบียบ หรือข้อตกลงร่วมกัน ตลอดจนเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมรอบตัวและช่วยกันดูแลรักษา ด้านสติปัญญา เช่น

การจัดกิจกรรมให้เด็กได้สืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เด็กจะได้พัฒนาความสามารถในการถามคำถามเชิงวิทยาศาสตร์อย่างง่าย การลงมือค้นหาคำตอบด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับวัย เช่น การสังเกต การสอบถาม การทดลอง การจำแนกสิ่งต่าง ๆ โดยใช้เกณฑ์ของตนเองหรือเกณฑ์ที่ครูกำหนดขึ้น การบอกลักษณะของสิ่งที่สำรวจด้วยคำพูด การวาดภาพหรือการแสดงบทบาทสมมติ และการสรุปสิ่งที่ตนเองได้

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560 ได้กำหนดจุดมุ่งหมายให้

เด็กปฐมวัยที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้รับการพัฒนาทุกด้านเต็มศักยภาพได้แก่ ร่างกายเจริญเติบโตตามวัย แข็งแรงและมีสุขภาพนิสัยที่ดี สุขภาพจิตดี มีสุนทรีภาพ มีคุณธรรม จริยธรรม และจิตใจที่ดีงาม มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

มีวินัย และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และมีทักษะการคิดพื้นฐาน การใช้ภาษาสื่อสาร และการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกับวัย (กระทรวงศึกษาธิการ 2560 : 26 ) และ กำหนดคุณลักษณะพัฒนาการด้านสติปัญญาเด็กอายุ 3-4 ปี ประกอบด้วย ฟังผู้อื่นพูดจนจบและพูดโต้ตอบเกี่ยวกับเรื่องที่ฟัง เล่าเรื่องด้วยประโยคสั้น ๆ อ่านภาพและพูดข้อความด้วยภาษาของตน เขียนขีดเขี่ยอย่างมีทิศทาง บอกลักษณะของสิ่งต่าง ๆ จากการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัส จับคู่หรือเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ โดยใช้ลักษณะหรือหน้าที่การใช้งานเพียงลักษณะเดียว คัดแยกสิ่งต่าง ๆ ตามลักษณะหรือหน้าที่การใช้งานเรียงลำดับสิ่งของหรือเหตุการณ์อย่างน้อย 3 ลำดับ ระบุผลที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือการกระทำเมื่อมีผู้ชี้แนะ คาดเดาหรือคาดคะเนสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นตัดสินใจในเรื่องง่าย ๆ แก้ปัญหาโดยลองผิดลองถูก สร้างผลงานศิลปะเพื่อสื่อสารความคิด ความรู้สึกของตนเอง เคลื่อนไหวท่าทางเพื่อสื่อสารความคิด ความรู้สึกของตนเอง สนใจฟังหรืออ่านหนังสือด้วยตนเอง ค้นหาคำตอบของข้อสงสัยต่าง ๆ ตามวิธีการที่มีผู้ชี้แนะ ใช้ประโยคคำถามว่าใคร อะไร ในการค้นหาคำตอบ (กระทรวงศึกษาธิการ 2560 : 31-33)

ดังนั้น การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการพัฒนาการเรียนรู้โดยใช้ทักษะกระบวนการคิด การสื่อสาร ในการแสวงหาความรู้ที่เป็นระบบที่เด็กปฐมวัยควรได้รับการส่งเสริมแต่เยาว์วัยเนื่องจากเป็นวัยที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับพัฒนาการของชีวิตมนุษย์ สิ่งที่เด็กได้รับประสบการณ์ และเรียนรู้ในช่วง 5 ปีแรกของชีวิต จะมีผลต่อการวางรากฐานที่สำคัญทางด้านสติปัญญาและบุคลิกภาพของเด็กที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ สอดคล้องจิตเกษม ทองนาค (2548 : 10) กล่าวว่าความสามารถในการปฏิบัติและฝึกฝนกระบวนการคิดในการแสวงหาความรู้ ตลอดจนสามารถแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างคล่องแคล่วและชำนาญ จะเห็นได้ว่า ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์มีความสำคัญต่อการแสวงหาความรู้ เป็นทักษะขั้นพื้นฐานที่ช่วยให้การพัฒนาทางด้านสติปัญญาให้แก่เด็กตั้งแต่ระดับปฐมวัย เพื่อเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ขั้นสูงต่อไปและ สอดคล้องกับที่สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2560 : 36) ให้ความสำคัญของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ว่า เป็นความชำนาญและความสามารถในการฝึกฝนและปฏิบัติในการคิดและแก้ปัญหา รวบรวมไว้อย่างมีเป็นทักษะพื้นฐานในการพัฒนาทางด้านสติปัญญาเพื่อเป็นพื้นฐานในการเรียนในระดับที่สูงขึ้น

ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ที่ควรส่งเสริมให้เด็กปฐมวัย ประกอบด้วย ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการวัด ทักษะการสื่อความหมาย ทักษะการลงความเห็น ทักษะการหาความสัมพันธ์มิติ -เวลา และทักษะการพยากรณ์ ดังที่ นิวแมน (Neuman, 1981 : 320 – 321 อ้างอิงใน ชยุดา พยุงวงษ์ 2551 : 47) กล่าวว่า ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อเด็กปฐมวัยในการทำกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการสื่อความหมาย และทักษะการลงความเห็น และสอดคล้องกับที่เอราวรรณ ศรีจักร (2550 : 27) กล่าวว่า ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย ทักษะ

การสังเกต ทักษะการเปรียบเทียบ ทักษะการจำแนก ทักษะการวัด ทักษะการหามิติสัมพันธ์ ทักษะการสื่อสาร ทักษะการลงความเห็น ทักษะการทดลอง ทักษะการสรุป ทักษะการนำไปใช้ ซึ่งในแต่ละทักษะมีความเชื่อมโยงกัน เพราะในการใช้ทักษะใดทักษะหนึ่งย่อมใช้ทักษะอื่นในการค้นคว้า หาความรู้จากข้อมูลร่วมกันไปด้วย สำหรับเด็กปฐมวัย ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญและเด่นชัดประกอบด้วย ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการสื่อสาร และทักษะการลงความเห็นสำหรับการศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยมุ่งศึกษาเฉพาะ ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ 2 ทักษะ คือ ทักษะการสังเกต ทักษะการสื่อความหมาย ซึ่งเป็นทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ในระดับพื้นฐาน

จากปัญหาและความสำคัญของวิทยาศาสตร์ การพัฒนาทักษะกระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์เด็กปฐมวัย และจากการประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของเด็กปฐมวัย ชั้นเตรียมอนุบาลอายุ 3-4 ปี ศูนย์พัฒนาเด็กไชยวัฒนา สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลไชยวัฒนา ของผู้วิจัยพบว่า คุณลักษณะที่พึงประสงค์ในมาตรฐานที่ 10 มีความสามารถในการคิดและแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับวัยต่ำกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ (ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลไชยวัฒนา : 2559 ) ผู้ศึกษาจึงได้จัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้านการสังเกตและด้านการ

สื่อความหมายของเด็กปฐมวัย มุ่งเน้นให้เด็กได้ทดลอง ลงมือปฏิบัติจริงด้วยกิจกรรมที่เหมาะสมกับพัฒนาการตามวัย และยังเป็นแนวทางให้ครูผู้สอนได้มีวิธีการจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่มุ่งเน้นพัฒนาการคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะเป็นการปูพื้นฐานที่ดีให้แก่เด็กในการเรียนชั้นสูงต่อไป

ผลการวิจัย

1) เด็กปฐมวัยได้รับการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในภาพรวมหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นโดยก่อนการจัดกิจกรรมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 12.75 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.77 และหลังการจัดกิจกรรมมีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 24.55 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 3.47

2) เด็กปฐมวัยได้รับการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งแยกเป็นรายด้านหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง โดยก่อนการจัดกิจกรรมด้านการสังเกตมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 6.50 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.47 หลังการจัดกิจกรรมมีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 12.65 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.79 และด้านการสื่อความหมายก่อนการจัดกิจกรรมมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 6.25 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.37 และหลังการจัดกิจกรรมมีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 11.90 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.86

โพสต์โดย Bent : [12 เม.ย. 2563 เวลา 18:20 น.]
อ่าน [5356] ไอพี : 1.10.216.103
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,522 ครั้ง
ร่วมแชร์ คลิปสุดแนว ครูเต้นเกาหลีรับเปิดเทอม
ร่วมแชร์ คลิปสุดแนว ครูเต้นเกาหลีรับเปิดเทอม

เปิดอ่าน 14,491 ครั้ง
การออกกำลังของผู้ที่มีโรคหัวใจ
การออกกำลังของผู้ที่มีโรคหัวใจ

เปิดอ่าน 7,918 ครั้ง
เคล็ดลับเรียนแล้วรวย
เคล็ดลับเรียนแล้วรวย

เปิดอ่าน 14,533 ครั้ง
เฉลยข้อสอบอัตนัยด้วย FACEBOOKLIVE
เฉลยข้อสอบอัตนัยด้วย FACEBOOKLIVE

เปิดอ่าน 12,744 ครั้ง
เรื่องที่คุณไม่รู้ เกี่ยวกับช็อกโกแลต
เรื่องที่คุณไม่รู้ เกี่ยวกับช็อกโกแลต

เปิดอ่าน 10,950 ครั้ง
ถามหาการศึกษา4.0 จะเริ่มต้นเมื่อใด?
ถามหาการศึกษา4.0 จะเริ่มต้นเมื่อใด?

เปิดอ่าน 17,766 ครั้ง
[ อยากมีเงินเหลือ อ่านเลย! ] วิธีลดค่าไฟฟ้าเดือนละ 1 พันบาท
[ อยากมีเงินเหลือ อ่านเลย! ] วิธีลดค่าไฟฟ้าเดือนละ 1 พันบาท

เปิดอ่าน 16,879 ครั้ง
ข่าวดีของคนอ้วน รูปร่างอวบตอนหลังกลับยืดอายุให้ยืน
ข่าวดีของคนอ้วน รูปร่างอวบตอนหลังกลับยืดอายุให้ยืน

เปิดอ่าน 7,111 ครั้ง
เช็คด่วน! 13 แอปฯ อันตราย "ดูดเงิน-สอดแนม" มีอะไรบ้าง ลบทิ้งทันที
เช็คด่วน! 13 แอปฯ อันตราย "ดูดเงิน-สอดแนม" มีอะไรบ้าง ลบทิ้งทันที

เปิดอ่าน 174,955 ครั้ง
หลักการออกแบบของ ADDIE model
หลักการออกแบบของ ADDIE model

เปิดอ่าน 9,494 ครั้ง
ชมหรือยัง เพลงหาเสียงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.
ชมหรือยัง เพลงหาเสียงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

เปิดอ่าน 2,448 ครั้ง
เลเซอร์รักแร้ IPL vs YAG เลือกยังไงให้เหมาะกับผิวและได้ผลดีในระยาว
เลเซอร์รักแร้ IPL vs YAG เลือกยังไงให้เหมาะกับผิวและได้ผลดีในระยาว

เปิดอ่าน 24,735 ครั้ง
แบบเต็ม ๆ อีกครั้ง สำหรับชุดประจำชาติไทยสู่เวทีสากล
แบบเต็ม ๆ อีกครั้ง สำหรับชุดประจำชาติไทยสู่เวทีสากล

เปิดอ่าน 27,077 ครั้ง
การศึกษาไทยอาการหนัก คุณหมอต้องส่งเข้าห้อง ICU
การศึกษาไทยอาการหนัก คุณหมอต้องส่งเข้าห้อง ICU

เปิดอ่าน 12,461 ครั้ง
กระทรวงวัฒนธรรม เปิดดาวน์โหลดภาพหาชมยากของในหลวง กว่า 30,000 ภาพ
กระทรวงวัฒนธรรม เปิดดาวน์โหลดภาพหาชมยากของในหลวง กว่า 30,000 ภาพ

เปิดอ่าน 8,970 ครั้ง
ฟังเอ็มพี 3 ดังสุดๆ วันละแค่ 1 ชม. อันตรายร้ายแรงถึงหูดับได้
ฟังเอ็มพี 3 ดังสุดๆ วันละแค่ 1 ชม. อันตรายร้ายแรงถึงหูดับได้
เปิดอ่าน 14,484 ครั้ง
เปิดตัว "น้องกรณ์" หนูน้อย 1 ขวบ หัวใจใฝ่ธรรมะ ในคลิปดัง "ลูกศิษย์วัดตัวน้อยนั่งสัปหงก"
เปิดตัว "น้องกรณ์" หนูน้อย 1 ขวบ หัวใจใฝ่ธรรมะ ในคลิปดัง "ลูกศิษย์วัดตัวน้อยนั่งสัปหงก"
เปิดอ่าน 11,321 ครั้ง
"พอล"หมึกยักษ์..นักทำนาย ต้นตระกูลกำเนิดยุคแคมเบรียน
"พอล"หมึกยักษ์..นักทำนาย ต้นตระกูลกำเนิดยุคแคมเบรียน
เปิดอ่าน 17,456 ครั้ง
"จันทรุปราคา"กับ"ทางช้างเผือก" 15มิถุนาฯ-ค่ำคืนมองฟ้าสุดอัศจรรย์
"จันทรุปราคา"กับ"ทางช้างเผือก" 15มิถุนาฯ-ค่ำคืนมองฟ้าสุดอัศจรรย์
เปิดอ่าน 17,320 ครั้ง
ความมืดมีประโยชน์ ช่วยต้านมะเร็ง แถมลดน้ำหนัก
ความมืดมีประโยชน์ ช่วยต้านมะเร็ง แถมลดน้ำหนัก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ