ชื่อเรื่อง การพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้
แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย (ส23103)
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางนิภาพร เดชศิริ
ปีที่วิจัย 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย ดังนี้ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหา เป็นฐาน (PBL) รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย (ส23103) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ก่อนเรียนและหลังเรียน 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียน ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย (ส23103) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย (ส23103) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Design) ที่มีกลุ่มทดลอง กลุ่มเดียวและมีการทดสอบก่อนและหลังเรียน (One Group Pretest Posttest Design) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนศีขรภูมิพิสัย อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 33 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 42 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย (ส23103) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาประวัติศาสตร์ไทย (ส23103) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย (ส23103) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่าที t - test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย (ส23103) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย (ส23103) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับ การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) รายวิชาประวัติศาสตร์ไทย (ส23103) กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด คะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 4.54 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.63