การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1)
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการสอน 7E
วิชาประวัติศาสตร์ 2)
เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบการสอน 7E
วิชาประวัติศาสตร์
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/7 ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย จำนวน 40 คน โดยใช้การสุ่มแบบเจาะจง (Purposive
Sampling) เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้การสอนโดยใช้รูปแบบการสอน 7E
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
แบบประเมินความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบการสอน 7E วิชาประวัติศาสตร์
เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติทดสอบ t-test
ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการสอน 7E วิชาประวัติศาสตร์
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2)
นักเรียนมีความพึงพอใจต่อต่อการจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบการสอน 7E วิชาประวัติศาสตร์ มีค่าเฉลี่ย
เท่ากับ 4.35 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.72 มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก