บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
ผลของการประเมินโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านโฮ่ง อำเภอลี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 2 ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านโฮ่ง ปีการศึกษา 2562 โดยใช้รูปแบบซิปป์ (CIPP Model) ของ Daniel L. Stufflebeam ซึ่งประกอบด้วย 4 ด้าน คือ 1) ประเมินด้านสภาพบริบท (Context Evaluation) 2) ประเมินด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) 3) ประเมินด้านกระบวนการ (Process Evaluation) และ 4) ประเมินด้านผลผลิต (Product Evaluation) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ จำนวน 68 คนประกอบด้วย ครู และบุคลากรผู้ปฏิบัติงานโครงการ จำนวน 8 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 จำนวน 34 คน ผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4-6 จำนวน 19 คน และกรรมการสถานศึกษา จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลมี 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 แบบสอบถามเพื่อประเมินโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านโฮ่ง สำหรับครูและบุคลากรผู้ปฏิบัติงานโครงการ ฉบับที่ 2 แบบสอบถามเพื่อประเมินโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านโฮ่ง สำหรับนักเรียน ผู้ปกครองนักเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหา ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (x̄) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.)
สรุปผลการประเมินโครงการ
1. ผลการประเมินโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านโฮ่ง จากการตอบแบบสอบถามของครูผู้ปฏิบัติงานโครงการจำนวน 8 คน ใน สรุปผล ได้ดังนี้
1.1 ด้านสภาพบริบท (Context)
มีผลการประเมิน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.77, S.D. = 0.34) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีระดับมากที่สุด คือ สถานศึกษามีหลักการการดำเนินการที่สุดคล้องกับจุดหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2552 โดยเสนอโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในส่วนของงานบริหารด้านวิชาการ (x̄ = 5.00, S.D. = 0.00) รองลงมาในระดับมากที่สุด คือ มีแนวทางการดำเนินงานของโครงการที่สอดคล้องกับทิศทางของโรงเรียนบ้านโฮ่ง (x̄ = 4.88, S.D. = 0.33) และมีวัตถุประสงค์ เป้าหมายและประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมจากโครงการอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.63, S.D. = 0.46) ตามลำดับ สรุปด้านสภาพบริบท (Context) เท่ากับผ่านเกณฑ์การประเมิน
1.2 ด้านปัจจัยนำเข้า (Input)
มีผลการประเมินโดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.68, S.D. = 0.43) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีระดับมากที่สุด คือ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานชัดเจน ในแต่ละกิจกรรมมีความเหมาะสม (x̄ = 5.00, S.D. = 0.00) รองลงมาอยู่ในระดับมากที่สุด คือ ผู้รับผิดชอบโครงการมีการเป็นผู้นำในการดำเนินงาน คือ ผู้บริหารสถานศึกษามีการให้การส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาบุคลากรและสร้างขวัญกำลังใจ คณะครู และบุคลากรที่เกี่ยวข้องมีความรัก ความเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิดนักเรียน (x̄ = 4.88, S.D. = 0.33) รองลงมาอยู่ในระดับมากที่สุด คือ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการดำเนินงาน กำหนดไว้เพียงพอและการดำเนินกิจกรรมตามโครงการเป็นไปตามกรอบเวลา ที่ได้กำหนดไว้ (x̄ = 4.75, S.D. = 0.43) ตามลำดับ สรุปด้านปัจจัยนำเข้า (Input) เท่ากับผ่านเกณฑ์ การประเมิน
1.3 ด้านกระบวนการ (Process)
1) ผลการประเมินจากการพิจารณาความเหมาะสมด้านกระบวนการ ขั้นตอนที่ 1 ขั้นตอนของโครงการโดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.70, S.D. = 0.41) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อรายการ พบว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ ข้อที่มีความเหมาะสมสูงสุด คือ ขั้นการดำเนินงานของโครงการ (x̄ = 4.73, S.D. = 0.42) รองลงมา คือ ขั้นเตรียมการโครงการ (x̄ = 4.69, S.D. = 0.39) และขั้นการประเมินผล (x̄ = 4.69, S.D. = 0.43) ตามลำดับ สรุปด้านกระบวนการ (Process) ขั้นตอนที่ 1 ขั้นตอนการดำเนินงานเท่ากับผ่านเกณฑ์
2) ผลการประเมินจากการพิจารณาความเหมาะสม ด้านกระบวนการ ขั้นตอนที่ 2 ขั้นตอนการดำเนินงานของกิจกรรมตามโครงการโดยภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.62, S.D. = 0.48) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีระดับความเหมาะสมสูงสุดในระดับ มากที่สุด คือ กิจกรรมโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ (x̄ = 4.91, S.D. = 0.25) และกิจกรรมการทดสอบสมรรถภาพทางกายของนักเรียน (x̄ = 4.88, S.D. = 0.27) รองลงมามีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด คือ กิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียน (x̄ = 4.79, S.D. = 0.39) การจัดเก็บข้อมูลนักเรียน เป็นรายบุคคล (x̄ = 4.72, S.D. = 0.32) การคัดกรองนักเรียน (x̄ = 4.72, S.D. = 0.42) ตามลำดับ สรุปด้านกระบวนการ (Process) ขั้นตอนที่ 2 ขั้นตอนการดำเนินงานของกิจกรรมตามโครงการโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เท่ากับผ่านเกณฑ์
1.4 ด้านผลผลิต (Product )
1) ผลการประเมิน ด้านผลผลิตเกี่ยวกับคุณภาพของนักเรียน โดยภาพรวม พบว่า มีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.63, S.D. = 0.49) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่ามีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด คือ การมีทักษะชีวิต สามารถหลีกเลี่ยงป้องกันอันตรายจากสิ่งที่ ไม่พึงประสงค์ (x̄ = 4.70, S.D. = 0.43) รองลงมาคือ การเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว โรงเรียนและชุมชน (x̄ = 4.69, S.D. = 0.43) และการมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี (x̄ = 4.69, S.D. = 0.48) ตามลำดับ สรุปด้านผลผลิต (Product) ด้านคุณภาพของนักเรียนเท่ากับผ่านเกณฑ์
2) ผลการประเมินด้านผลผลิตเกี่ยวกับด้านการปฏิบัติกิจกรรมโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.62, S.D. = 0.51) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีความเหมาะสมมากที่สุด คือ การคัดกรองนักเรียน (x̄ = 4.82, S.D. = 0.38) รองลงมา คือ การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.70, S.D. = 0.42) การส่งเสริมและพัฒนาทักษะอาชีพแก่นักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.53, S.D. = 0.56) กิจกรรมแนะแนวในโรงเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.53, S.D. = 0.56) ตามลำดับ สรุปด้านผลผลิต (Product) ด้านการปฏิบัติกิจกรรมโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เท่ากับผ่านเกณฑ์
3) ผลการประเมินด้านผลผลิตเกี่ยวกับด้านคุณภาพของคณะครูและบุคลากร โดยภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.80, S.D. = 0.38) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ข้อที่มีความเหมาะสมมากที่สุด คือ ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้นำในการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน คณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถและคณะครูและบุคลากรมีการประเมินผลโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน (x̄ = 4.75, S.D. = 0.43) ตามลำดับ สรุปด้านผลผลิต (Product) ด้านคุณภาพของคณะครูและบุคลากร เท่ากับผ่านเกณฑ์
1.5 ปัญหาและอุปสรรค แนวทางการแก้ไขและข้อเสนอแนะ
1. ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดจากการดำเนินงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
1) มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือให้ชุมชนและผู้เกี่ยวข้องรับทราบอย่างทั่วถึงโดยมีการประชุมน้อยครั้ง
2) การดำเนินงานโครงการนี้ไม่ครอบคลุมในระดับชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษา ปีที่ 1-3
2. แนวทางในการแก้ไขปัญหา
1) โรงเรียนควรมีการประสานความร่วมมือระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครองนักเรียนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงกัน
2) ควรพิจารณาประเมินการปฏิบัติงานให้ครอบคลุมในระดับชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ในปีการศึกษาต่อไป
3. ข้อเสนอแนะ
1) ควรจัดทำโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน อย่างต่อเนื่องทุกปีการศึกษา
2) ควรมีการประชุมชี้แจงให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้แก่ ครู ผู้ปกครอง นักเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยภาคเรียนละครั้งเพื่อขอความร่วมมือสนับสนุนการจัดทำโครงการนี้จากชุมชน
3) คณะครูควรมีกิจกรรมการเยี่ยมบ้านสม่ำเสมอ เป็นการสร้างสัมพันธภาพ ที่ดีระหว่าง โรงเรียนและชุมชน
2. ผลการประเมินโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียนโรงเรียนบ้านโฮ่ง จากการตอบแบบสอบถามของนักเรียน ผู้ปกครองนักเรียน และกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน ที่มีต่อการดำเนินงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านโฮ่ง
2.1 ผลการประเมินที่ได้จากการตอบแบบสอบถามของนักเรียน ผู้ปกครองนักเรียนและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับด้านคุณภาพของนักเรียนและด้านการมีส่วนร่วมในภาพรวมระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.67, S.D. = 0.65) เมื่อได้พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีระดับความเหมาะสมอยู่ในมากที่สุด สำหรับด้านที่มีระดับความเหมาะสมสูงสุดอยู่ในระดับ มากที่สุด ได้แก่ ด้านมีส่วนร่วมโดยภาพรวม (x̄ = 4.67, S.D. = 0.63) รองลงมา ได้แก่ ด้านคุณภาพของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.67, S.D. = 0.67) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อรายการ พบว่า ข้อรายการที่มีระดับการประเมินสูงสุดอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ การปฏิบัติตนให้เป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ตามบทบาทหน้าที่ (x̄ = 4.74, S.D. = 0.59) และการมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี (x̄ = 4.71, S.D. = 0.62) ตามลำดับ สรุปผลการประเมิน เท่ากับผ่านเกณฑ์
2.2 ปัญหาและอุปสรรค แนวทางการแก้ไขและข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านโฮ่ง อำเภอลี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 2
1) ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดจากการดำเนินงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
1) มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือให้ชุมชนและผู้เกี่ยวข้องรับทราบอย่างทั่วถึงโดยมีการประชุมน้อยครั้ง
2) การดำเนินงานโครงการนี้ไม่ครอบคลุมในระดับชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
2) แนวทางในการแก้ไขปัญหา
1) โรงเรียนควรมีการประสานความร่วมมือระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครองนักเรียนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงกัน
2) ควรพิจารณาประเมินการปฏิบัติงานให้ครอบคลุมในระดับชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ในปีการศึกษาต่อไป
3) ข้อเสนอแนะ
1) ควรจัดทำโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างต่อเนื่องทุกปีการศึกษา
2) ควรมีการประชุมชี้แจงให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้แก่ ครู ผู้ปกครอง นักเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยภาคเรียนละครั้งเพื่อขอความร่วมมือสนับสนุนการจัดทำโครงการนี้จากชุมชน
3) คณะครูควรมีกิจกรรมการเยี่ยมบ้านสม่ำเสมอ เป็นการสร้างสัมพันธภาพ ที่ดีระหว่าง โรงเรียนและชุมชน