ผู้วิจัย นางสาวอวยชัย สุขสวาง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนบัวขาว สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้คอนสตรัคติวิสต์โดยใช้เทคนิคระดมสมอง ที่ส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง เส้นขนาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2) เพื่อศึกษาทักษะความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้คอนสตรัคติวิสต์ โดยใช้เทคนิคระดมสมอง ที่ส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง เส้นขนาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 23) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เส้นขนาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 ให้มีจำนวนผู้เรียนไม่น้อยกว่า ร้อยละ70 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนร้อยละ80ขึ้นไป4) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความคิดสร้างสรรค์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนบัวขาว สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 42 คน
รูปแบบการวิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปฏิบัติการ มีวงจรปฏิบัติการ2 วงจร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ที่ส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง เส้นขนาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 12 แผน 2) เครื่องที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติ ได้แก่ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ แบบบันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ใบกิจกรรมและแบบฝึกทักษะ 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามแนวคิดทฤษฎีคอนตรัคติวิสต์ที่เน้นทักษะความคิดสร้างสรรค์และแบบทดสอบวัดทักษะความคิดสร้างสรรค์ เมื่อดำเนินการครบทั้ง 2 วงจรแล้ว ใช้เครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้เก็บข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลรายงานในลักษณะการบรรยายและหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละจากคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ผลการวิจัยพบว่า
1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้คอนสตรัคติวิสต์โดย ใช้เทคนิคระดมสมองที่ส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนมีการพัฒนาทางด้านความคล่องในการคิด ความยืดหยุ่นในการคิดและความคิดริเริ่ม ซึ่งมีกิจกรรมการเรียนรู้ 5 ขั้นคือ 1) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียนเป็นขั้นเตรียมความพร้อมของนักเรียน โดยครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้และทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน 2) ขั้นสอน เป็นขั้นพัฒนาความรู้ความสามารถทางคณิตศาสตร์ ประกอบด้วย (1) เผชิญสถานการณ์ปัญหาและแก้ปัญหาโดยใช้เทคนิคระดมสมองเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนมีขั้นตอนคือ (1.1) ขั้นคิดรายบุคคลโดยให้นักเรียนได้รู้จักปัญหาจากสถานการณ์ปัญหาต่างและคิดหาแนวทางในการแก้ปัญหาด้วยตนเอง(1.2) ขั้นนำเสนอความคิดและทักษะภายในกลุ่ม เป็นขั้นที่นักเรียนนำความคิดที่ได้ของแต่ละคนมาระดมสมองกันภายในกลุ่มเพื่อให้ได้แนวคิดวิธีการที่หลากหลาย (1.3) ขั้นสรุปความคิดของกลุ่ม เป็นขั้นที่นำความคิดที่ได้จากการคัดสรร ร่วมกันภายในกลุ่ม มาสรุปเป็นความคิดของกลุ่มเพื่อนำเสนอต่อชั้นเรียน (2) ขั้นไตร่ตรองระดับกลุ่มใหญ่ เป็นขั้นที่แต่ละกลุ่มจะได้นำข้อสรุปของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอต่อชั้นเรียนนักเรียนจะได้ร่วมกันอภิปรายและสรุปเป็นมโนมติ (3) ขั้นสรุป เป็นขั้นที่นักเรียนและครูร่วมกันสรุปแนวคิด หลักการเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่อไป (4) ขั้นพัฒนาทักษะ/การนำไปใช้ เป็นขั้นที่นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้ไปฝึกทักษะด้วยตนเอง (5) ขั้นประเมินผล ประเมินผลจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบบันทึกการสังเกต พฤติกรรมของนักเรียน ตรวจกิจกรรม ตรวจแบบฝึกทักษะ
2.ความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน จากการใช้รูปแบบการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้คอนสตรัคติวิสต์ โดยใช้เทคนิคระดมสมองที่ส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ พบว่า นักเรียนสามารถเกิดทักษะความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งมีคะแนนด้านความคิดคล่องเฉลี่ย 8.5 คะแนน คะแนนด้านความยืดหยุ่นเฉลี่ย 5.7 คะแนน และคะแนนความคิดริเริ่มเฉลี่ย 1.56 คะแนน
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนจากการร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้คอนสตรัคติวิสต์โดยใช้เทคนิคระดมสมองที่ส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ พบว่า นักเรียนร้อยละ 85 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าเกณฑ์คือมีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ขึ้นไป และมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ 85.25สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 80
4. ความสัมพันธ์ระหว่างความคิดสร้างสรรค์กับคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนซึ่งแบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ คิดคล่อง คิดยืดหยุ่นและคิดริเริ่ม พบว่า ความคิดคล่องมีความสัมพันธ์ทางบวก กับคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เท่ากับ 0.056 คิดยืดหยุ่นมีความสัมพันธ์ทางบวกกับคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เท่ากับ 0.054 และความคิดริเริ่มมีความความสัมพันธ์ทางบวกกับคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เท่ากับ 0.363