ชื่อผู้วิจัย ศิริลักษณ์ อินขาว
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การวิจัย การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านภูมิสตึง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ในครั้งนี้ ใช้วิธีการศึกษาเชิงปริมาณ (Quantitative Study) เป็นหลัก และนำเอาวิธีการศึกษาเชิงคุณภาพ (Qualitative Study) เป็นส่วนเสริม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านภูมิสตึง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 2) เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านภูมิสตึง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 3) ศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะของผู้ปกครองต่อการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านภูมิสตึง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของผู้ปกครองที่มีต่อการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านภูมิสตึง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านภูมิสตึง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 103 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง มีลักษณะเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ได้ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.86 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าเอฟ
ผลการวิจัยพบว่า
1. การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านภูมิสตึง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 โดยรวมและรายด้านอยูในระดับมาก เรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการเสริมแรง ด้านการให้ความรู้ และด้านการเป็นต้นแบบ
2. การเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านภูมิสตึง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ในภาพรวมและรายด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ปัญหาและข้อเสนอแนะของผู้ปกครองที่มีต่อการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมนิสัย รักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านภูมิสตึง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 พบว่า
3.1 ด้านการให้ความรู้ ผู้ปกครองเสนอประเด็นปัญหา คือ ผู้ปกครองไม่มีการนำ เรื่องต่างๆ จากหนังสือมาสนทนาเชื่อมโยงให้สอดคล้องก้บชีวิตประจำวัน นักเรียนไม่มีจินตนาการ ไม่สามารถแต่งเรื่องหรือต่อเติมเรื่องจากหนังสือที่อ่านได้ ผู้ปกครองไม่ฝึกนักเรียนให้คิดตั้งคำถาม/ คำตอบจากหนังสือที่อ่าน/ เรื่องที่ฟัง ซึ่งผู้ปกครองให้ข้อเสนอแนะ คือ ทางโรงเรียนมีกิจกรรมส่งเสริมการอ่านทั้งในกิจกรรมการเรียนการสอนและนอกเวลาที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงเรื่องที่อ่านให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวัน ฝึกการตั้งคำถาม/คำตอบจากเรื่องที่อ่าน โดยอาจมอบหมายงานให้นักเรียนไปอ่านหนังสือให้ผู้ปกครองฟัง และมีคำถามให้ผู้ปกครองถามนักเรียน
3.2 ด้านการเสริมแรง ผู้ปกครองเสนอประเด็นปัญหา คือ ผู้ปกครองส่วนมากจะให้รางวัลแก่นักเรียนเป็นเงิน ของเล่น ขนม ไม่ค่อยซื้อหนังสือให้เป็นรางวัล ทำให้นักเรียนไม่ได้ฝึกนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ซึ่งผู้ปกครองให้ข้อเสนอแนะ คือ ทางโรงเรียนและผู้ปกครองจะต้องร่วมมือกันปลูกฝังให้นักเรียนรักการอ่าน เห็นหนังสือเป็นรางวัลที่ดีที่สุด โดยอาจเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เลือกหนังสือตามที่ชอบ
3.3 ด้านการเป็นต้นแบบ ผู้ปกครองเสนอประเด็นปัญหา คือ ผู้ปกครองไม่เป็นแบบอย่าง ไม่เคยอ่านหนังสือให้นักเรียนเห็น ไม่เคยพานักเรียนเข้าห้องสมุด/ร้านหนังสือเพื่ออ่านหนังสือ หรือยืม/ซื้อหนังสือ เวลาเดินทางไปสถานที่ใดก็ไม่เคยนำหนังสือติดตัวไปด้วย ซึ่งผู้ปกครองให้ข้อเสนอแนะ คือ ทางโรงเรียนควรพัฒนาห้องสมุดให้น่าเข้าใช้บริการ ส่งเสริมให้ครูพานักเรียนเข้าห้องสมุดอ่านหนังสือ ยืมหนังสือ
4. ผู้ปกครองนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ของนักเรียนโรงเรียนบ้านภูมิสตึง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก