ชื่องานวิจัย เรื่อง การจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเพื่อพัฒนาการกล้ามเนื้อมันใหญ่เด็กชั้นเตรียมอนุบาล 3-4 ขวบ
ชื่อผู้วิจัย นางวัชนีย์ ชาวแหลง
ครูประจำชั้นเตรียมเตรียมอนุบาล 3 - 4 ขวบ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลไชยวัฒนา
ความสำคัญและที่มา
กิจกรรมกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเป็นกิจกรรมฝึกเด็กให้รู้จักการฟัง รู้จักการคิด รู้จักการสังเกต รู้จักการแก้ปัญหา และการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ในการเคลื่อนไหว การทรงตัวมิให้ล้ม การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านทั้งครบคือด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม ให้เด็กได้รับเหมาะสมกับวัย ศักยภาพของเด็กแต่ละบุคคลเป็นการฝึกความสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อ มัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็กจากการเล่น การเคลื่อนไหวและจังหวะ มีกฎเกณฑ์และข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งเกิดจากการเล่นอิสระให้เกิดจินตนาการในด้านกระบวนการคิดในการเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี รู้จักรอคอย รู้จักขอโทษ รู้จักช่วยเหลือแบ่งปันสิ่งของในการเล่นเป็นทีมเป็นที่ยอมรับของเพื่อน ซึ่งกระบวนการคิดในการเล่นเป็นทีมนี้ส่งเสริมการนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของมนุษย์ (Porkins. 1984 : 19) และการฝึกพัฒนาในกิจกรรมเคลื่อนไหว เป็นการปฏิบัติพัฒนาโดยใช้จินตนาการความคิดสร้างสรรค์ท่าทางประกอบซึ่งเป็นลักษณะการคิดที่มีคุณค่าต่อด้านอารมณ์และสังคม เด็กที่ได้รับการฝึกเป็นประจำเป็นการพัฒนาสมองทั้งสองซีกพร้อมกัน ทั้งนี้ยังพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็กให้ประสานสัมพันธ์กันเป็นไปตามวัยเกิดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในวัยเจริญเติบโตอย่างมีคุณค่าทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม
ดังนั้นเด็กในวัย ๓-๖ ปี ควรได้รับการฝึกอย่างสม่ำเสมอเพื่อการสร้างเซลสมองของเด็กจากการเล่น กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญประการหนึ่งของการจัดการศึกษาทุกระดับ ดังจะเห็นจากมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติพ.ศ. 2561 เป็นการจัดการศึกษาพัฒนาคนให้มีคุณภาพมีคุณลักษณะที่สร้างความเข้าใจและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนสำคัญที่สุด มีการทดลองปฏิบัติจริงเพื่อให้ผู้เรียนได้แสดงศักยภาพตามความถนัดและความสนใจ สามารถแสวงหาและสร้างความรู้ด้วยตนเองที่นำไปสู่การรู้จักคิด วิเคราะห์ พัฒนาอย่างรู้เท่าทันควบคู่กับการอยู่ร่วมในสังคมอย่างมีความสุข ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต เพื่อพัฒนาอย่างสมดุลทั้งด้านคุณธรรม วิชาการ คุณภาพมาตรฐานเต็มตามศักยภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนของเด็กวัยนี้เพราะในช่วง ๓ - ๖ ปีแรกของชีวิตเป็นระยะที่เด็ก มีพัฒนาการสูง ศักยภาพที่ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์เพราะเด็กได้รับการจัดประสบการณ์หรือกิจกรรมที่เหมาะสมต่อเนื่องตามลำดับก็เท่ากับเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาในวัยต่อไป
จากสภาพของเด็กชั้นเตรียมอนุบาล 3- 4 ปี ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลไชยวัฒนา ตำบลไชยวัฒนา อำเภอปัว จังหวัดน่าน 2562 ที่ได้จัดประสบการณ์เรียนรู้ที่ผ่านมามา พบว่า นักเรียนที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายกล้ามเนื้อมัดเล็กและใหญ่ไม่ประสานสัมพันธ์กัน ทำให้การพัฒนาด้านอารมณ์ จิตใจ สังคม ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ขณะเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ ได้ อารมณ์หงุดหงิดง่าย เอาแต่ใจตนเอง โกรธง่ายหายเร็ว ปรับตัวเข้ากับเพื่อนขณะเล่นได้น้อยมาก และยังทำให้เด็กจำนวนหนึ่งหกล้มง่ายเนื่องจากมีกล้ามเนื้อมัดใหญ่ไม่แข็งแรง ทำให้เด็กไม่กล้าที่จะวิ่งให้เร็วสุดกำลังได้ การร่วมกิจกรรมเล่นกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆ ของเด็กชั้นเตรียมอนุบาล 3-4 ขวบ ขณะเล่นเป็นกลุ่มเกิดความวิตกกังวลจาการล้มบ่อยครั้ง หรือการวิ่งตามเพื่อนไม่ทันและขาดความมั่นใจในการเล่นกับเพื่อน จึงทำให้เด็กบางคนชอบเล่นอิสระตามลำพัง ส่งผลต่อการทำกิจกรรมอื่นๆ ขาดความมั่นใจและต่อต้านไม่เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของห้องเรียน
จากปัญหาที่พบทำให้เด็กกลุ่มหนึ่งขาดความมั่นใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรมกลางแจ้งและกิจกรรมเคลื่อนไหวกับเพื่อน เนื่องจากตนเองไม่ปลอดภัยล้มบ่อยครั้ง ครูจึงปรับกิจกรรมเคลื่อนไหวให้มีความเหมาะสมกับสภาพร่างกายของเด็กกลุ่มนี้และเด็กคนอื่นๆ ให้สามารถเล่นร่วมกันได้โดยมุ่งเน้นการเล่นร่วมกับผู้อื่นไม่เน้นการแข่งขันให้ผู้เล่นทุกคนมีโอกาสในการเล่นเท่าเทียมกันซึ่งเป็นเกมและการเล่น ที่ง่าย ๆ กฎกติกาไม่ซับซ้อนและเสริมนวัตกรรมให้กับเด็กนักเรียนชั้นเตรียมอนุบาล 3- 4 ขวบต่อไป
สรุปผลการวิจัย
การจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ เป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้ ได้พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ (แขนขา) ประสานสัมพันธ์กันมากขึ้น มีความแข็งแรงมากขึ้น ในการจัดกิจกรรมที่ปฏิบัติโดยไม่เน้นการแข่งขันเพราะธรรมชาติของเด็กจะชอบเล่นแบบอิสระ เพราะเป็นการตอนสนองความต้องการทางจิตใจของเด็ก ทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินในขณะที่เล่นเด็กจะเกิดการเรียนรู้ไปด้วย เพราะเด็กจะเรียนรู้ได้ดีโดยผ่านประสบการณ์โดยตรงที่เป็นรูปธรรมโดยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ คือ การสัมผัส ทดลองและปฏิบัติจริง ฯลฯ ซึ่งถ้าครูเข้าใจการจัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เด็กได้เล่นหลายๆ แบบที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้และมีโอกาสพัฒนาทักษะต่าง ๆ ของเด็กไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติพ.ศ. 2561 ได้ใช้หลักทฤษฎีการเรียนรู้อย่างมีความสุข จัดการเรียนการสอนในบรรยากาศที่ผ่อนคลายมีอิสระ ซึ่งมีแนวทางสำคัญคือ บทเรียนต้องเป็นเรื่องใกล้ตัว สื่อการเรียนน่าสนใจ เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง เพื่อนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกัน การจัดการเรียนการสอนให้เด็กได้ฝึกปฏิบัติจริงนี้ต้องฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ