ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทาง.Thinking. School เพื่อส่งเสริม การอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ชื่อผู้วิจัย : นางสาวภคมน ขุนรักษ์
ปีที่วิจัย : ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ.1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัญหาการเรียนการสอน ด้านการอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2).ออกแบบและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทาง.Thinking..School เพื่อส่งเสริมการอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3).ทดลองใช้รูปแบบ การเรียนการสอนตามแนวทาง.Thinking. School เพื่อการส่งเสริมการอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 4).ประเมินผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทาง.Thinking. School เพื่อส่งเสริมการอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัย ครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลบ้านคูหาสวรรค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน.1.ห้องเรียน จำนวน 36 คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยวิธีการจับสลาก โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทาง.Thinking. School เพื่อส่งเสริมการอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แบบสอบถามปัญหาการอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทาง.Thinking. School ประกอบหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุดคำขวัญเมืองลุงบ้านลุงเท่ง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุดคำขวัญเมืองลุงบ้านลุงเท่ง จำนวน 7 เล่ม และแบบสอบถามความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนการสอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Mean)..ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน.(Standard.Deviation).ร้อยละ.(Percentage) เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยโดย ใช้ t-test
ผลการวิจัยพบว่า
1.ปัญหาการอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่.4.พบว่า ปัญหาด้านผู้สอน คือ ครูสอนเนื้อหาในหนังสือเรียนเป็นส่วนใหญ่ ( = 4.64) ปัญหาด้านผู้เรียน คือ ผู้เรียนไม่ชอบอ่านหนังสือ ( .=.3.87) ปัญหาด้านสื่อการเรียนการสอน คือ สื่อการสอนไม่ทันสมัย ( = 4.39) ปัญหาด้านเนื้อหาหลักภาษาไทย คือ เนื้อหายากเกินไปสำหรับผู้เรียน ( = 4.24)
2. รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทางThinking.School.ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน หลักการตอบสนอง ระบบสังคม สิ่งสนับสนุน สาระความรู้ และสิ่งส่งเสริมการเรียนรู้ ทั้งนี้ กระบวนการเรียนการสอน มี 4 ขั้นตอนประกอบด้วย ขั้นที่ 1 Do Now (D) เตรียมความพร้อมในเรื่องที่จะเรียนก่อนเรียน ขั้นที่ 2 Purpose (P).แจ้งจุดประสงค์ สร้างความกระจ่างทั้งต่อครูและนักเรียนในเรื่องที่จะเรียนรู้ ทิศทางการเลือกข้อมูล เนื้อหา ขั้นที่ 3.Work.Mode.(W).ปฏิบัติกิจกรรมนำเข้าสู่เนื้อหาในหลักสูตรด้วยเครื่องมือสอนคิด 5 เครื่องมือ.คือ PMI Compare and Contrast Six Thinking Hat KWL และ Mind Map ขั้นที่ 4 Reflective.Thinking.(R).การคิดแบบสะท้อนกลับ เพื่อตรวจสอบความรู้ความเข้าใจ ผลการตรวจสอบรูปแบบการเรียนการสอน.DPWR.Model.โดยผู้เชี่ยวชาญพบว่า มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของรูปแบบ
3. หลังทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทาง.Thinking.School.เพื่อส่งเสริม
การอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 นักเรียนมีพัฒนาการ
เรื่องการอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทยสูงขึ้นและโดยภาพรวมอยู่ในระดับดี
4.. ผลการประเมินการใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทาง.Thinking.School.เพื่อส่งเสริมการอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
4.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการอ่านคิดวิเคราะห์และการใช้หลักภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้รูปแบบการสอนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01
4.2 ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อรูปแบบการสอนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก