ชื่องานศึกษา การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิด
อย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ชื่อผู้ศึกษา นางสาววิยะดา หวังชนะ
ตำ¬แหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาล 3 สามัคคีวิทยาคาร สำนักการศึกษาเทศบาลนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เปรียบเทียบความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 3 สามัคคีวิทยาคาร สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเทศบาลนครอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ที่กำลังเรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการทดลอง มีดังนี้ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) เอกสารประกอบการเรียน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบหาค่าดัชนีประสิทธิผล (Effectiveness Index) และการเปรียบเทียบความแตกต่างด้วยสถิติ The Wilcoxon Signed Ranks Test
ผลการวิจัยพบว่า
1. การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 82.65/81.88 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยคะแนนเฉลี่ยหลังการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานการศึกษาข้อที่ 1
3. ความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยคะแนนเฉลี่ยหลังการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานการศึกษาข้อที่ 2
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาแต่ละข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ สามารถส่งเสริมให้ผู้เรียนนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดีอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด รองลงมา คือ เนื้อหามีความหลากหลาย อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ส่งเสริมให้นักเรียนรักการอ่าน อยู่ในระดับพึงพอใจมาก