เรื่อง การศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครู
ที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ ปีการศึกษา 2560
ผู้ศึกษา ญาณิศา ภูเพชรพงศ์
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ ปีการศึกษา 2560 เป็นการวิจัยและพัฒนาโดยการผสมผสานวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Method) และวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Method) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูที่เกิดจากภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือก่อนการปฏิบัติงานและหลังการปฏิบัติงาน และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครองที่มีประสิทธิผลต่อภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในปีการศึกษา 2560 โดยวิธีคัดเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยแยกเป็นกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้ 1) ครู จำนวน 15 คน 2) ผู้ปกครองนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1- 3 จำนวน 44 คน และ 3) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 9 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ 2) เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นของครูที่เกิดจากภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครอง เป็นความพึงพอใจของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครอง ที่มีต่อประสิทธิผลที่เกิดจากภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ
ผลการวิจัย
1. ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ ปีการศึกษา 2560
ผลการวิจัย พบว่า ระดับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน ( x̄= 4.61 S.D.= 0.28) เรียงลำดับจากมากไปน้อย คือ ด้านการกระตุ้นทางปัญญา ด้านการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ ด้านการคำนึงปัจเจกบุคคล และด้านการสร้างแรงบันดาลใจ ตามลำดับนั่นแสดงว่า ครูและกรรมการสถานศึกษามีการรับรู้ และเข้าใจในการบริหารสถานศึกษาโดยใช้ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ ปีการศึกษา 2560 อยู่ในระดับมากที่สุด เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 1
เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละด้านเกิดผล ดังนี้
1.1 ด้านการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ พบว่า ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ ปีการศึกษา 2560 ด้านการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.61 S.D.= 0.35) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าทุกข้ออยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย 3 อันดับแรก คือ ข้อ 3. ผู้บริหารให้คำแนะนำและเอาประสบการณ์เกี่ยวกับการทำงานมาแลกเปลี่ยน สนทนากับครูเพื่อให้ครูปฏิบัติตามข้อ 5. ผู้บริหารสอบถามถึงความก้าวหน้าในการทำงานให้คำแนะนำแลกเปลี่ยนในการทำงานร่วมกับครู และข้อ 6. ผู้บริหารรับฟังปัญหาและเสนอแนวทางในการทำงานให้แก่ครู เพื่อให้ครูเกิดความเชื่อมั่นในการทำงาน ตามลำดับ
1.2 ด้านการสร้างแรงบันดาลใจ พบว่า ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ ปีการศึกษา 2560 ด้านการสร้างแรงบันดาลใจ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.55 S.D.= 0.30) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าทุกข้ออยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย 3 อันดับแรก คือ ข้อ 3. ผู้บริหารมองการณ์ไกลใช้คำพูดกระตุ้นสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ครูปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามวิสัยทัศน์ ข้อ 1. ผู้บริหารใช้คำถามกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้ครูเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสถานศึกษา และข้อ 2. ผู้บริหารทำงานด้วยความเชื่อมั่น พูดเสริมแรงใจให้ครูปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายมากกว่าที่คาดหวังตามลำดับ
1.3 ด้านการกระตุ้นทางปัญญา พบว่า ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ ปีการศึกษา 2560 ด้านการกระตุ้นทางปัญญา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄= 4.68 S.D.= 0.44) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้ออยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย 3 อันดับแรก คือ ข้อ 5. ผู้บริหารส่งเสริมให้ครูสร้างความคิดและค้นหาวิธีการใหม่ ๆ ในการปฏิบัติงาน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานด้วยความผูกพัน ข้อ 1. ผู้บริหารกระตุ้น ยั่วยุให้ครูแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ ข้อ 2. ผู้บริหารเสนอแนะวิธีปฏิบัติงานและวิธีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และเป็นระบบด้วยวิธีการใหม่ ๆ อยู่เสมอ ตามลำดับ
1.4 ด้านความเป็นปัจเจกบุคคล พบว่า ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ ปีการศึกษา 2560 ด้านความเป็นปัจเจกบุคคล โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄= 4.60 S.D.= 0.01) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ทุกข้ออยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย 3 อันดับแรก คือ ข้อ 3. ผู้บริหารส่งเสริมให้ครูแต่ละคนปฏิบัติงานด้วยความเต็มใจ มีความตระหนักในความคิด จินตนาการ ความเชื่อ และเห็นคุณค่าของตนเอง ข้อ10. ผู้บริหารแนะนำการปฏิบัติงานแก่ครูเป็นรายบุคคล และ ข้อ1. ผู้บริหารส่งเสริมและพัฒนาครูตามความสนใจและตามความสามารถของแต่ละบุคคล ตามลำดับ
2. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูที่เกิดจากภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ
ผลการวิจัย พบว่า ความคิดเห็นของครูที่เกิดจากภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ ก่อนการวิจัย โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (x̄= 3.37 S.D.= 0.40) หลังการวิจัยโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.98 S.D.= 0.08) และเมื่อเรียงลำดับค่าเฉลี่ยหลังการวิจัยมีระดับความคิดเห็นของครูที่เกิดจากภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือระดับมากที่สุดทุกข้อ เมื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูที่เกิดจากภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ ปีการศึกษา 2560 โดยใช้ t test พบว่า หลังการวิจัยสูงกว่าก่อนการวิจัย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานข้อ 2
3. ความพึงพอใจของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครองที่มีต่อประสิทธิผลที่เกิดจากภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนบ้านโคกปรือ
ผลการวิจัย พบว่า ความพึงพอใจของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครองที่มีต่อประสิทธิผลที่เกิดจากภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนบ้านโคกปรือ ในภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด (x̄= 4.84 S.D. = 0.25) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ความพึงพอใจของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย 3 อันดับแรก คือข้อ 1. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ สูงขึ้น 2. นักเรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ รักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ข้อ 4. นักเรียนสามารถทำตามลำดับขั้นตอนและผลงานมีคุณภาพ และความสามารถทางศิลปหัตถกรรม ตามลำดับ ซึ่งแสดงว่า หลังจากผู้บริหารได้ขับเคลื่อนการบริหารสถานศึกษาโดยใช้ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วในปีการศึกษา 2560 ส่งผลให้ครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เกิดความพึงพอใจต่อภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่มีต่อประสิทธิผลของโรงเรียนบ้านโคกปรือ อยู่ในระดับมากที่สุด เป็นไปตามสมมติฐานข้อ 3