ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรี

การพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้

นายสมพร หมั่นบ้านต้อน ตำแหน่ง ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนเทศบาลบ้านไผ่ กองการศึกษาเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น

บทคัดย่อ

รายงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) หาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ

คอนสตรัคติวิสต์ (2) หาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์

(3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (4) ศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ (5) เปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ (6) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนโรงเรียนเทศบาลบ้านไผ่ กองการศึกษาเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ภาคเรียนที่ 1 ปีการวิจัย 2561 จำนวน 30 คน ด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ

คอนสตรัคติวิสต์ จำนวน 9 แผน เวลาเรียน 18 ชั่วโมง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 9 เล่ม แบบทดสอบ

วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ แบบทดสอบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จำนวน

30 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 30 ข้อ สถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ ค่าดัชนีประสิทธิผล และทดสอบค่า t

(แบบกลุ่มไม่อิสระ) ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้

1. ประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีค่าเท่ากับ 86.92/85.58 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80

2. ดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช มีค่าเท่ากับ 0.7700 แสดงว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 77.00 สูงกว่าเกณฑ์ 70 หรืออยู่ในระดับดี

3. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ โดยใช้ชุดกิจกรรม

การเรียนรู้ มีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. นักเรียนมีความคงทนในการเรียนรู้หลังเรียนแล้ว 2 สัปดาห์ ลดลงเพียงร้อยละ 0.33 5. นักเรียนมีคะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และได้คะแนนหลังเรียนคิดเป็นร้อยละ 84.56

6. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์

โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด

คำสำคัญ : คอนสตรัคติวิสต์, ชุดกิจกรรมการเรียนรู้

_____________________________________________________________________________

บทนำ

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญผู้เรียนยังไม่สามารถที่จะสืบเสาะหาความรู้และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนยังคงเป็นผู้รับความรู้เหมือนเดิมเพราะทั้งครูและนักเรียนยังยึดติดอยู่กับรูปแบบการสอนเดิม ๆ คือ ครู เป็น ศูนย์กลางการเรียนรู้ ผู้เรียนเป็นผู้รับความรู้โดยการจำความรู้ ไม่มีการลงมือปฏิบัติจริง ทำให้ความรู้ที่ได้ไม่คงทน ไม่มีทักษะในการคิดค้น ทำงานไม่มีระบบ ไม่มีขั้นตอน ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ไม่กล้าแสดงออก ขาดปฏิสัมพันธ์ในการทำงานกลุ่ม ซึ่งการสอนโดยใช้โมเดลคอนสตรัคติวิสต์ ถือเป็นรูปแบบการสอนหนึ่งที่มีกิจกรรมเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เพราะมีรูปแบบที่ชัดเจนสามารถนำไปปฏิบัติได้โดยง่าย และสอดคล้องกับการดำรงชีวิต เหมาะสมกับความสามารถและความสนใจของผู้เรียน โดยเน้นให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมและลงมือปฏิบัติจริงทุกขั้นตอน นอกจากนี้การสอนวิธีสอนตามรูปแบบแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ เป็นรูปแบบการสอนตามแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ และตามทฤษฎีการสอน

คือ บุคคลมีความรู้ โดยการสร้างความรู้ด้วยวิธีการที่ต่าง ๆ กัน โดยอาศัยประสบการณ์เดิม โครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่ และแรงจูงใจภายในเป็นพื้นฐาน

วัตถุประสงค์การวิจัย

1. เพื่อหาประสิทธิภาพของการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามเกณฑ์ 80/80

2. เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนา

การเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์

เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามเกณฑ์ 70 หรือระดับดีขึ้นไป

3. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ชุดกิจกรรม

การเรียนรู้

4. เพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนรู้

ของนักเรียนที่ได้รับการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ชุดกิจกรรม

การเรียนรู้

5. เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการ

ทางวิทยาศาสตร์ ก่อนเรียนและหลังเรียน

ของนักเรียนที่ได้รับการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ชุดกิจกรรม

การเรียนรู้

6. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ชุดกิจกรรม

การเรียนรู้

วิธีดำเนินการวิจัย

1. ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลบ้านไผ่ ปีการศึกษา 2561 จำนวน 57 คน จาก 2 ห้องเรียน

2. กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนเทศบาลบ้านไผ่ ปีการศึกษา 2561 จำนวน 30 คน โดยวิธีการสุ่มด้วยวิธีแบบกลุ่ม

3. เครื่องมือวิจัย

3.1 แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ จำนวน 9 แผน เวลา 18 ชั่วโมง

3.2 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน

9 เล่ม

3.3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทาง

การเรียน จำนวน 40 ข้อ

3.4 แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 30 ข้อ

4. การเก็บรวบรวมข้อมูล

4.1 ดำเนินการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์

ทางการเรียน

4.2 ดำเนินการทดลองสอนโดยผู้วิจัยเป็นผู้ดำเนินการตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์

โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เวลา 18 ชั่วโมง

4.3 ดำเนินการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและสอบถามความพึงพอใจหลังเรียน

4.4 นำคะแนนการทดสอบและการสอบถาม มาวิเคราะห์ด้วยวิธีทางสถิติ

5. การวิเคราะห์ข้อมูล

5.1 หาประสิทธิภาพของการพัฒนา

การเรียนรู้

5.2 หาค่าดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนา

การเรียนรู้

5.3 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน

5.4 เปรียบเทียบความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน

5.5 เปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ก่อนเรียนและหลังเรียน

5.6 ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน

ผลการวิจัย

จากการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สรุปผลการวิจัย ดังนี้

1. ประสิทธิภาพของการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีค่าเท่ากับ 86.92/85.58 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80

2. ดัชนีประสิทธิภาพของการพัฒนา

การเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีค่าเท่ากับ 0.7700 แสดงว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.00 สูงกว่าเกณฑ์ 70 และ

มีความก้าวหน้าอยู่ในระดับดี

3. นักเรียนที่ได้รับการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ โดยใช้

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

ที่ระดับ .01

4. นักเรียนที่ได้รับการพัฒนาการเรียนรู้

ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ โดยใช้

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีความคงทนในการเรียนรู้หลังเรียนแล้ว 2 สัปดาห์ โดยคะแนน

ลดลงเพียงร้อยละ 0.33

5. นักเรียนที่ได้รับการพัฒนาการเรียนรู้

ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ โดยใช้

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีคะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และได้คะแนนหลังเรียนคิดเป็นร้อยละ 84.56

6. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการพัฒนา

การเรียนรู้โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุลดลงเพียงร้อยละ 0.33

5. นักเรียนที่ได้รับการพัฒนาการเรียนรู้

ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ โดยใช้

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีคะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และได้คะแนนหลังเรียนคิดเป็นร้อยละ 84.56

6. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการพัฒนา

การเรียนรู้โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

สรุปและอภิปรายผล

ทั้งนี้เนื่องอาจจะเนื่องมาจากวิธีการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ มีขั้นตอนกิจกรรม

ที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญทั้งกระบวนการกลุ่มและรายบุคคลตามรูปแบบสืบเสาะหาความรู้

ที่เป็นกระบวนการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละเรื่อง ดังนี้ (1) ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความขัดแย้ง

ทางปัญญา ด้วยการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนได้การสังเกตสิ่งรอบตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น เชิญชวนให้เกิดความสงสัยนำไปสู่การตั้งประเด็นปัญหา รวมถึงการพิจารณาคำตอบ

ที่เป็นไปได้ของปัญหาที่ตั้งขึ้น การจดบันทึกปรากฏการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน การบ่งชี้สถานการณ์ที่การรับรู้ของนักเรียนแตกต่างกัน (2) ขั้นที่ 2 ขั้นกิจกรรมไตร่ตรอง ด้วยการให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม การระดมสมอง การเลือกทรัพยากรที่เหมาะสม การออกแบบและการดำเนินการทดลอง การประเมินทางเลือกที่หลากหลาย และการรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อตอบคำถามของปัญหาที่สงสัยอย่างมีระบบระเบียบ (3) ขั้นที่ 3 ขั้นสร้างสถานการณ์ปัญหา ด้วยการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนได้มีการสื่อสาร ความหมายข้อมูลและความคิดเห็น ในการสร้างคำอธิบายใหม่และวิจารณ์คำตอบของปัญหา การบูรณาการคำตอบที่ได้รับความรู้และประสบการณ์เดิมที่มีอยู่ และ (4) ขั้นที่ 4 ขั้นสรุปผลการสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญา ด้วยการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนได้นำความรู้และทักษะไปใช้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การพัฒนาผลที่ได้จากการเรียนรู้และการส่งเสริมความคิดเห็นเพื่อให้เกิดการอธิบายและการยอมรับจากเพื่อน ๆ

ทำให้นักเรียนประสบผลสำเร็จด้านความรู้

ความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับเรื่องการดำรงชีวิตของพืช รวมทั้งวิธีการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัค

ติวิสต์ มุ่งให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้บรรลุผลตามมาตรฐานการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ด้วยกระบวนการกลุ่ม

ทำงานร่วมกันเป็นทีม ทำการศึกษาค้นคว้าและฝึกฝนจากการทำใบกิจกรรมและกิจกรรมการทดลองหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ครูกำหนดไว้ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แต่ละกลุ่มจึงเกิดการแข่งขันและกระตุ้นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพื่อความสำเร็จของกลุ่ม คือ ได้รับรางวัล คำชมจากเพื่อนและครูผู้สอนในแต่ละเรื่องหรือการประกาศคะแนนให้ทราบพร้อมการยกย่องชมเชยทั้งรายกลุ่มและรายบุคคล ประกอบกับการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ ได้เน้นให้นักเรียนได้ร่วมมือและช่วยเหลือกันในการเรียนรู้จากใบความรู้ที่เป็นความรู้เชิงทฤษฎีและการทำชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการดำรงชีวิตของพืช นักเรียนที่มีความรู้และความสามารถแตกต่างกัน การทำกิจกรรมกลุ่ม จึงเป็นการร่วมกันอย่างมีโครงสร้างที่ชัดเจน มีการทำงานร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนความคิด มีการช่วยเหลือพึงพา

อาศัยซึ่งกันและกัน มีความรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งในส่วนตนและส่วนรวมเพื่อให้ตนเองและสมาชิกทุกคนในกลุ่มประสบความสำเร็จตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดไว้ จึงถือได้ว่า การเรียนรู้ด้วยตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ ดังกล่าว ทำให้นักเรียนเป็นคนมีความเข้าใจ

และมีกระบวนการเรียนรู้ด้วยกลุ่มและรายบุคคลมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เรียงจากเรื่อง

ที่ 1-9 ตามลำดับ

ข้อเสนอแนะ

1. การจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ครูผู้สอนควรเตรียมสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียน

2. การจัดการเรียนการสอนครูควรกำหนดบทบาทให้นักเรียนได้ร่วมวางแผนและออกแบบการวิจัยด้วยตนเองแต่ละเนื้อหาร่วมกับครูผู้สอน เพิ่มกิจกรรมให้นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ทั้งของจริง สื่อเอกสาร และอินเตอร์เน็ต และนักเรียนมีส่วนร่วมประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของสมาชิกในกลุ่มร่วมกับครูด้วย

3. การเรียนรู้ด้วยการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ ครูผู้สอนควรให้คำแนะนำ ชี้แจงแนวทางปฏิบัติแก่นักเรียนได้ศึกษาความรู้แต่ละเนื้อหาย่อย เรียงตามลำดับ ในการพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ เพื่อให้มีพื้นฐานการเรียนแต่ละขั้นตอนและในเนื้อหาเรื่องต่อไปเรียงตามลำดับ

4. การสร้างการพัฒนาการเรียนรู้

ตามรูปแบบคอนสตรัคติวิสต์ ผู้สร้างควรมี

การวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน การปรึกษากับนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน การทดลองใช้เพื่อปรับปรุงแก้ไข ให้ได้การพัฒนาการเรียนรู้ตามรูปแบบคอนสตรัค

ติวิสต์ ที่มีคุณภาพ แล้วจึงนำมาใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้

5. ครูผู้สอนควรออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง

โดยครูเป็นผู้ให้คำแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด

เอกสารอ้างอิง

ทิศนา แขมมณี. (2558). หลักการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

นันทิยา บุญเคลือบ. (2559). การพัฒนาทักษะกระบวนการสู่โครงงานวิทยาศาสตร์,” สสวท. 13(169) : 45-50 ; กรกฎาคม-กันยายน.

บุญชม ศรีสะอาด. (2559). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 13. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.

พวงทอง มีมั่งคั่ง. (2555). การสอนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียน

ขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : พัฒนาศึกษา.

รุจิระ สุภรณ์ไพบูลย์. (2555). แนวการสอนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรับครู. กรุงเทพฯ : สมานการพิมพ์.

รุ่งทิวา จักร์กร. (2558). หลักการสอนทั่วไป. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : รุ่งเรืองธรรม.

วิชาญ เลิศลพ. (2557). รูปแบบการสอนยุคใหม่ตามแนวทาง สสวท. กรุงเทพฯ :

พัฒนาการศึกษา.

โพสต์โดย สะมะพร : [24 ก.พ. 2563 เวลา 19:55 น.]
อ่าน [3132] ไอพี : 184.22.125.215
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,225 ครั้ง
ผลการเลือกตั้ง 2554 อย่างไม่เป็นทางการ
ผลการเลือกตั้ง 2554 อย่างไม่เป็นทางการ

เปิดอ่าน 42,264 ครั้ง
ความสำคัญและความจำเป็นของการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
ความสำคัญและความจำเป็นของการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน

เปิดอ่าน 12,674 ครั้ง
๒๐ คำถามกับท่าน ว.วชิรเมธี
๒๐ คำถามกับท่าน ว.วชิรเมธี

เปิดอ่าน 14,101 ครั้ง
ค้นพบล่าสุด...พบน้ำแข็งบนดาวอังคาร
ค้นพบล่าสุด...พบน้ำแข็งบนดาวอังคาร

เปิดอ่าน 62,278 ครั้ง
เพลงประจำอาเซียน (ASEAN SONG)
เพลงประจำอาเซียน (ASEAN SONG)

เปิดอ่าน 20,826 ครั้ง
มวลอะตอม : เคมี
มวลอะตอม : เคมี

เปิดอ่าน 8,992 ครั้ง
ระวัง "โทรจัน" จากอีเมลโอลิมปิก
ระวัง "โทรจัน" จากอีเมลโอลิมปิก

เปิดอ่าน 15,249 ครั้ง
โรงเรียนสุขภาวะตอบโจทย์ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”
โรงเรียนสุขภาวะตอบโจทย์ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”

เปิดอ่าน 8,977 ครั้ง
ประวัติความเป็นมา วันแม่
ประวัติความเป็นมา วันแม่

เปิดอ่าน 12,849 ครั้ง
ทริคเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับน้ำ ที่คุณครูเอาไปสอนเด็กได้
ทริคเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับน้ำ ที่คุณครูเอาไปสอนเด็กได้

เปิดอ่าน 18,684 ครั้ง
เงินเดือน ผู้ว่าฯ กทม. เท่าไหร่??
เงินเดือน ผู้ว่าฯ กทม. เท่าไหร่??

เปิดอ่าน 37,362 ครั้ง
Fast Math Trick จินตคณิต สูตรคิดเร็ว การหาร
Fast Math Trick จินตคณิต สูตรคิดเร็ว การหาร

เปิดอ่าน 88,457 ครั้ง
เทคนิคการสอบสัมภาษณ์
เทคนิคการสอบสัมภาษณ์

เปิดอ่าน 13,412 ครั้ง
แสงสว่างของหิ่งห้อยมาจากไหน
แสงสว่างของหิ่งห้อยมาจากไหน

เปิดอ่าน 16,614 ครั้ง
ใครเป็นหนี้???..มีทางออก
ใครเป็นหนี้???..มีทางออก

เปิดอ่าน 14,204 ครั้ง
เมื่อฝรั่งขับรถเจอด่านตำรวจ จะเป็นยังไง ?
เมื่อฝรั่งขับรถเจอด่านตำรวจ จะเป็นยังไง ?
เปิดอ่าน 594 ครั้ง
นวัตกรรมใหม่น่าสนใจของ Power Bank ในรูปแบบเข็มขัด แปลกแค่ไหน
นวัตกรรมใหม่น่าสนใจของ Power Bank ในรูปแบบเข็มขัด แปลกแค่ไหน
เปิดอ่าน 3,197 ครั้ง
3 อันดับทุเรียนเปลี่ยนรูปให้พลังงานสูง แนะทานให้เหมาะสมต่อร่างกาย
3 อันดับทุเรียนเปลี่ยนรูปให้พลังงานสูง แนะทานให้เหมาะสมต่อร่างกาย
เปิดอ่าน 19,388 ครั้ง
คู่มือและแนวปฏิบัติสำหรับการจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย
คู่มือและแนวปฏิบัติสำหรับการจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย
เปิดอ่าน 12,535 ครั้ง
6 ตำรับธรรมชาติ เพื่อผิวสวยใส ไร้สารเคมี
6 ตำรับธรรมชาติ เพื่อผิวสวยใส ไร้สารเคมี

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ