ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ว

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิค

แผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้วิชา

สังคมศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ผู้วิจัย นางสุทธาภา จงสูงเนิน

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (2) เพื่อหาค่าประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้วิชา สังคมศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีค่าประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (4) เพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้วิชาสังคม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อพัฒนาเพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้วิชาสังคม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนหินดาดวิทยา ที่เรียนวิชาสังคมศึกษา รหัส 21102 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ เพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้วิชาสังคม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา (ส21102) เรื่อง ทวีปยุโรป จำนวน 40 ข้อ และ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า t (t-dependent)

ผลการวิจัยพบว่า

1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้วิชาสังคม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่พัฒนาขึ้นมีชื่อว่า “ORAAS Model” มีองค์ประกอบอยู่ 4 ประการคือ หลักการ วัตถุประสงค์ วิธีการและกิจกรรมการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ซึ่งขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีดังนี้ (1) ขั้นแนะนำ (Orientation : O) (2) ขั้นทบทวนความรู้เดิม (Review prior knowledge : R) (3) ขั้นปรับเปลี่ยนแนวคิด (Adjusting :A) (4) ขั้นนำความรู้ไปใช้ (Applying: A ) (5) ขั้นสรุปความเข้าใจ (Summarize: S)

2. ค่าประสิทธิภาพ(E1/ E2 )ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้วิชาสังคม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 81.29 /81.08 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้

3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้วิชาสังคม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05

4. นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฏีสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองร่วมกับเทคนิคแผนผังกราฟิกเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความคงทนในการเรียนรู้วิชาสังคม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 คะแนนเฉลี่ยความ พึงพอใจอยู่ที่ 4.52 จากจำนวนเต็ม 5 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเฉลี่ย 0.50

โพสต์โดย บัว : [21 ก.พ. 2563 เวลา 10:09 น.]
อ่าน [4773] ไอพี : 159.192.97.53
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 1,780 ครั้ง
Intrend ให้แบบไม่ OUT กับ 5 รูปแบบการสอน Active Learning ที่ครูต้องใช้ในยุคนี้
Intrend ให้แบบไม่ OUT กับ 5 รูปแบบการสอน Active Learning ที่ครูต้องใช้ในยุคนี้

เปิดอ่าน 10,236 ครั้ง
การซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด
การซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด

เปิดอ่าน 414,991 ครั้ง
ทฤษฎีจิตสังคมของอีริคสัน (Erikson)
ทฤษฎีจิตสังคมของอีริคสัน (Erikson)

เปิดอ่าน 25,125 ครั้ง
อยากเลี้ยงลูกให้ฉลาด ต้องไม่มีคำว่า....โดย ดร.สุพาพร เทพยวรรณ
อยากเลี้ยงลูกให้ฉลาด ต้องไม่มีคำว่า....โดย ดร.สุพาพร เทพยวรรณ

เปิดอ่าน 17,323 ครั้ง
4 เกาะที่น่าไป หลังเกษียณอายุ
4 เกาะที่น่าไป หลังเกษียณอายุ

เปิดอ่าน 1,459 ครั้ง
การหลับตา ช่วยให้จำสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น
การหลับตา ช่วยให้จำสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น

เปิดอ่าน 11,322 ครั้ง
การพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก
การพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก

เปิดอ่าน 189,336 ครั้ง
ตำนาน บ้านบางระจัน
ตำนาน บ้านบางระจัน

เปิดอ่าน 1,526 ครั้ง
การเรียนการสอนแบบ e-Learning
การเรียนการสอนแบบ e-Learning

เปิดอ่าน 11,089 ครั้ง
รับมือปัญหาการนอน
รับมือปัญหาการนอน

เปิดอ่าน 27,077 ครั้ง
การศึกษาไทยอาการหนัก คุณหมอต้องส่งเข้าห้อง ICU
การศึกษาไทยอาการหนัก คุณหมอต้องส่งเข้าห้อง ICU

เปิดอ่าน 24,639 ครั้ง
AutoPlay Media Studio
AutoPlay Media Studio

เปิดอ่าน 17,570 ครั้ง
กินอาหารจากไมโครเวฟบ่อย ๆ อันตรายไหมนะ?
กินอาหารจากไมโครเวฟบ่อย ๆ อันตรายไหมนะ?

เปิดอ่าน 17,703 ครั้ง
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552

เปิดอ่าน 16,070 ครั้ง
โหงวเฮ้งดี เปลี่ยนได้ไ่ม่ยาก!
โหงวเฮ้งดี เปลี่ยนได้ไ่ม่ยาก!

เปิดอ่าน 21,016 ครั้ง
ความลับของ "คนรวย"
ความลับของ "คนรวย"
เปิดอ่าน 15,433 ครั้ง
วิธีกำจัดกลิ่น กระเทียมติดปาก
วิธีกำจัดกลิ่น กระเทียมติดปาก
เปิดอ่าน 11,876 ครั้ง
12 เรื่องน่ารู้ การถ่ายภาพ ด้วยกล้องดิจิตอล
12 เรื่องน่ารู้ การถ่ายภาพ ด้วยกล้องดิจิตอล
เปิดอ่าน 11,575 ครั้ง
ฮีโร่&วายร้าย คนเด่นโลกปี 2554
ฮีโร่&วายร้าย คนเด่นโลกปี 2554
เปิดอ่าน 1,154 ครั้ง
ผลวิจัยชี้การมีกิจกรรมทางกายทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ช่วยลดการเจ็บป่วยโรคหัวใจและสมอง มากถึงร้อยละ 38
ผลวิจัยชี้การมีกิจกรรมทางกายทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ช่วยลดการเจ็บป่วยโรคหัวใจและสมอง มากถึงร้อยละ 38

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ