จากการรายงานเฝ้าระวังติดตามสภาพในช่องปากของเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านสบขาม ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๒ พบว่านักเรียน มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพฟัน โดยปัญหาที่พบมากที่สุด คือปัญหาฟันพุ จำนวน ๘๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๗๖ ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งโรคฟันผุ มีสาเหตุเกิดจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องปากรวมตัวกับเศษอาหารและน้ำลายสะสมกันเป็นคราบ แม้ว่าโรคฟันผุเป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่รุนแรง แต่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อพัฒนาการด้านสติปัญญา บุคลิกภาพ และคุณภาพชีวิตของเด็ก โรคฟันผุที่ลุกลามจะทำให้เด็กมีอาการปวด นอนไม่หลับ เคี้ยวอาหารจำพวกเนื้อสัตว์และผลไม้ไม่ได้ ซึ่งส่งผลต่อภาวะโภชนาการของเด็ก
ปัญหาฟันผุเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารของเด็ก พฤติกรรมในการบริโภคขนม นมรสหวาน เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล และพฤติกรรมการทำความสะอาดช่องปากที่ไม่ดีพอ การแปรงฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วยลดโอกาสการเกิดฟันผุได้ สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ พบว่าเด็กที่รับประทานอาหารว่างบ่อย แต่มีการแปรงฟันสม่ำเสมอ จะมีฟันผุน้อยกว่าเด็กที่ ไม่ค่อยรับประทานอาหารว่าง แต่มีการทำความสะอาดที่ไม่ดี การส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็กเป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งการกินและการทำความสะอาดช่องปาก ซึ่งผู้ปกครองและครูต้องเอาใจใส่ กำกับดูแล และฝึกฝนให้เด็กมีพฤติกรรมที่เหมาะสม และปฏิบัติจนเป็นนิสัย
โครงการสร้างเสริมสุขภาวะในโรงเรียนด้วยกระบวนการพัฒนาคุณธรรม เป็นโครงการที่มุ่งให้เกิดสุขภาวะในโรงเรียน ให้นักเรียนมีสุขภาวะที่ดี ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และ ปัญญา โดยใช้
กระบวนการพัฒนาคุณธรรม ที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักเรียน มาเป็นเครื่องมือในการทำงานให้บรรลุผลสำเร็จ
โรงเรียนบ้านสบขามจึงได้จัดทำโครงการสร้างเสริมสุขภาวะในโรงเรียนด้วยระบวนการพัฒนาคุณธรรม “โครงงานยิ้มสวย ฟันดี มีเสน่ห์” ขึ้น เพื่อสร้างเสริมพฤติกรรมการรักษาสุขภาพฟัน โดยใช้ความตระหนักในคุณธรรมจริยธรรมมาช่วยกระตุ้นจิตสำนึกให้นักเรียนเลือกประพฤติกิจกรรมที่ดี ที่ถูกต้อง ดังนั้น เมื่อโรงเรียนมุ่งสร้างสุขภาวะในโรงเรียน โรงเรียนก็ใช้ความตระหนักในคุณธรรมจริยธรรมมาช่วยกระตุ้นจิตสำนึกให้นักเรียนเลือกประพฤติปฏิบัติกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาวะที่ดี โรงเรียนก็จะก้าวสู่แนวทางเสริมสร้างสุขภาวะในโรงเรียนอย่างได้ผลดี
ผลของการดำเนินงานตามโครงการสร้างเสริมสุขภาวะในโรงเรียนด้วยกระบวนการพัฒนาคุณธรรม โครงงานยิ้มสวย ฟันดี มีเสน่ห์ ของนักเรียนโรงเรียนบ้านสบขามที่มีปัญหาฟันผุ จำนวน ๘๘ คน พบว่า หลังการร่วมกิจกรรม มีนักเรียนร้อยละ ๘๕ แปรงฟันวันละ ๓ ครั้ง มีจำนวนฝันผุลดลงจากเดิม ๗๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๙๕ ของจำนวนนักเรียนที่มีฟันผุทั้งหมด มีพฤติกรรมรักษาความสะอาดภายในช่องปากและฟันที่ดี มีคุณภาพอยู่ในระดับดี ในการรักษาความสะอาดภายในช่องปากและฟัน ร้อยละ ๘๕ ของนักเรียนทั้งหมด และนักเรียนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมมีความพึงพอใจกิจกรรมยิ้มสวย ฟันดี มีเสน่ห์ปีการศึกษา ๒๕๖๒ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ ๙๒.๙๕ (X-bar =๔.๖๕, S.D.= ๐.๕๔)