ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ธรรมชาติกับการเปลี่ยนแปลง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย ศศิรินทร์ ธารพระจันทร์ โรงเรียนเทศบาลวัดเสมาเมือง สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครศรีธรรมราช
ปีที่ศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ธรรมชาติกับการเปลี่ยนแปลง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ก่อนและหลังใช้รูปแบบ และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/3 โรงเรียนเทศบาลวัดเสมาเมือง เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 45 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 50 ข้อ 3) แบบประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4) แผนการจัดการเรียนรู้ (คู่มือการใช้) โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องธรรมชาติกับการเปลี่ยนแปลง และ 5) แบบประเมินพฤติกรรมของนักเรียนด้านความพอเพียง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วยค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที (t-test dependent Sample)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาสภาพปัญหาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการจัดการเรียนการสอน พบว่า 1) ครูสอนแบบบรรยายไม่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ 2) นักเรียนขาดทักษะความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ทำให้มีผลสัมฤทธิ์ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 3) สื่อ/แหล่งเรียนรู้นำมาใช้น้อยมากและไม่ตรงกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น 4) ผู้เรียนไม่สนใจเรียน 5) นโยบายของเทศบาลและโรงเรียนที่มุ่งพัฒนานักเรียนสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ 6) การพัฒนาทักษะกระบวนการกลุ่มมีน้อยมาก 7) การพัฒนาผู้เรียนด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ขาดความจริงจัง 8) การประเมินทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ ไม่มีวิธีการประเมินที่ชัดเจน และผลการศึกษาความต้องการในการพัฒนารูปแบบโดยครูและผู้เชี่ยวชาญ พบว่า 1) ต้องการให้ครูผู้สอนได้พัฒนารูปแบบการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามรูปแบบที่สอดคล้องกับความต้องการหรือสภาพปัญหาของนักเรียน 2) ครูควรใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิดให้มาก 3) ควรมีการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระต่าง ๆ สู่การนำไปใช้ 4) ควรนำเทคนิคการสอนวิธีต่าง ๆ โดยใช้ Active Learning และ 5) ให้เน้นการทำงานแบบกระบวนการกลุ่มเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์สู่ทักษะการคิด
2. ผลการสร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วยองค์ประกอบ 6 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นสร้างความสนใจ/กำหนดเป้าหมาย 2) ขั้นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ 3) ขั้นเสนอความรู้ใหม่/บูรณาการ 4) ขั้นนำเสนอผลงาน 5) ขั้นประเมินผล/สรุปผล และ 6) ขั้นนำไปประยุกต์ใช้
3. ผลการศึกษารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ก่อนและหลังใช้รูปแบบ มีดังนี้
3.1 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลังใช้รูปแบบสูงกว่าก่อนใช้รูปแบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
3.2 พฤติกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้านความพอเพียง ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.58 คิดเป็นร้อยละ 85.92 นั่นคือ ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพ 3 (ดีเยี่ยม) และผ่านเกณฑ์การประเมินทุกข้อ
4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยผู้เชี่ยวชาญ มีความคิดเห็นโดยรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.29 ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมิน และโดยครูผู้สอนสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มีความคิดเห็นโดยรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.43 ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมิน