ชื่อเรื่อง รายงานผลการพัฒนาความสามารถทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนร่วมกับเทคนิคเมอร์ด็อกช์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้จัดทำ นางวารุณี สืบชมภู
ปีที่ทำการวิจัย ปีการศึกษา 2560
ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การรายงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนาเอกสารประกอบการเรียนการสอนอ่านเพื่อความเข้าใจ วิชาภาษาอังกฤษร่วมกับเทคนิคเมอร์ดอกซ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียนร่วมกับเทคนิคเมอร์ดอกช์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังจากการที่นักเรียนได้รับการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนร่วมกับเทคนิคเมอร์ดอกช์ (4) ศึกษาระดับความพึงพอใจในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนร่วมกับเทคนิคเมอร์ดอกช์ของนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนร่วมกับเทคนิคเมอร์ดอกช์
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนคำโพนทองบริบูรณ์ราษฎร์บำรุง อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยปีการศึกษา 2560 มีนักเรียนจำนวน 20 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ เอกสารประกอบการเรียนร่วมกับเทคนิคเมอร์ดอกช์ จำนวน 15 ชุด 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผล การปฏิบัติการสอนของครู ได้แก่ แบบบันทึกเหตุการณ์ขณะทำการสอนของครู แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการสอนของครู แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน และแบบทดสอบย่อยหลังจากเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนการอ่านเพื่อความเข้าใจร่วมกับเทคนิคเมอร์ดอกช์แต่ละเรื่อง 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียน
การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ซึ่งมีวงจรปฏิบัติการวิจัยทั้งหมด 3 วงจร ดังนี้ วงจรปฏิบัติการที่ 1 ประกอบไปด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 – 5 วงจรปฏิบัติการที่ 2 ประกอบไปด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 – 10 และวงจรปฏิบัติการที่ 3 ประกอบไปด้วย แผนการเรียนรู้ที่ 11 – 15 และเมื่อสิ้นสุดในแต่ละวงจรผู้วิจัยและผู้ช่วยวิจัยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และสะท้อนผลการปฏิบัติงานเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนและเอกสารประกอบการเรียนเพื่อความเข้าใจร่วมกับเทคนิคเมอร์ดอกช์ วิชาภาษาอังกฤษ ในวงจรปฏิบัติการต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความแตกต่างโดยการทดสอบที (t–test) คำนวณด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ SPSS for Windows
ผลการวิจัยพบว่า
1. เอกสารประกอบการเรียนพัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจร่วมกับเทคนิคเมอร์ดอกช์
วิชาภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 91.87/90.07
สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. เอกสารประกอบการเรียนพัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจร่วมกับเทคนิคเมอร์ดอกช์
วิชาภาษาอังกฤษ ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7623 แสดงว่ากิจกรรมการเรียนรู้ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 76.23
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนพัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจร่วมกับ
เทคนิคเมอร์ดอกช์มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนที่ได้รับการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนพัฒนาการอ่านอ่านเพื่อความเข้าใจร่วมกับเทคนิคเมอร์ดอกช์ในปีการศึกษา 2560 มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด