ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การเสริมสร้างความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้“WINAI MODEL” โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร จังหวัดระยองปีการศึกษา 2560-2561

ชื่อผลงาน : การเสริมสร้างความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้“WINAI MODEL” โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร จังหวัดระยองปีการศึกษา 2560-2561

ผู้รายงาน : นายพรศักดิ์ ทิพย์วงษ์ทอง

ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร

ปีที่รายงาน : ปีการศึกษา 2560-2561

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เสริมสร้างความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้“WINAI MODEL” โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร จังหวัดระยองปีการศึกษา 2560-2561 2) เพื่อศึกษาความมีวินัยในตนเองของนักเรียน ครอบคลุมวินัย 5 ด้านได้แก่ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ จิตอาสา และความพอเพียง หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2560-2561 3) เพื่อศึกษาคุณภาพผู้เรียนของนักเรียนโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2560-2561 จำแนกเป็น 3.1) ผลสัมฤทธิ์ระดับสถานศึกษา 3.2) ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และ 3.3) ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และเครือข่ายชุมชน ที่มีต่อการเสริมสร้างความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้ “WINAI MODEL” โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร จังหวัดระยอง ปีการศึกษา 2560-2561

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย นักเรียนปีการศึกษา 2560 และปีการศึกษา 2561 จำนวน 335 คน ครู ปีการศึกษา 2560 และปีการศึกษา 2561 จำนวน 102 คน ผู้ปกครอง ปีการศึกษา 2560 และปีการศึกษา 2561 จำนวน 335 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2560 และปีการศึกษา 2561 จำนวน 13 คน และเครือข่ายชุมชน ปีการศึกษา 2560 และปีการศึกษา 2561 จำนวน 27 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลรวมทั้งสิ้น จำนวน 7 ฉบับ ได้แก่ เป็นแบบสอบถามที่มีลักษณะเป็นมาตรฐานส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 2 ฉบับ แบบสังเกตพฤติกรรมที่สะท้อนถึงความมีวินัยในตนเองของนักเรียน จำนวน 1 ฉบับ และแบบบันทึกผลการประเมินตามสภาพจริง จำนวน 4 ฉบับ มีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือทุกฉบับ ได้ค่าความเชื่อมั่น ระหว่าง .973-.987 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS for Windows. V. 18

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล คุณภาพการเสริมสร้างความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้“WINAI MODEL” โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร จังหวัดระยอง ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และเครือข่ายชุมชน พบว่า

ปีการศึกษา 2560 โดยรวมทุกกลุ่มที่ประเมิน อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (= 3.80 , S.D. = 0.35) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ กลุ่มนักเรียน (= 3.68 , S.D. = 0.54) อยู่ในระดับมาก และกลุ่ม ที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กลุ่มเครือข่ายชุมชน (= 3.59 , S.D. = 0.46) อยู่ในระดับมากเช่นกัน

ปีการศึกษา 2561 โดยรวมทุกกลุ่มผู้ประเมิน อยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มเครือข่ายชุมชน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (= 4.70 , S.D. = 0.46) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ กลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน (= 4.62 , S.D. = 0.52) อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กลุ่มครู (= 4.53 , S.D. = 0.42) อยู่ในระดับมากที่สุด เช่นกัน สอดคล้องตามสมมติฐาน

2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่สะท้อนถึงคุณลักษณะความมีวินัยในตนเองของนักเรียนที่เกิดจากการใช้ “WINAI MODEL” โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ตามความคิดเห็นของครู และผู้ปกครอง พบว่า

262

ปีการศึกษา 2560 โดยรวมทั้งสองกลุ่มผู้ประเมิน อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า กลุ่มครู มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (= 3.66 , S.D. = 0.67) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ กลุ่มผู้ปกครอง (= 3.65 , S.D. = 0.67) อยู่ในระดับมากเช่นกัน

191

ปีการศึกษา 2561 โดยรวมทั้งสองกลุ่มผู้ประเมิน อยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า ทั้งสองกลุ่ม คือ กลุ่มครู และกลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน (= 4.53, S.D. = 0.67 และ 0.64) อยู่ในระดับมากที่สุดเช่นกัน สอดคล้องตามสมมติฐาน

3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพผู้เรียน จำแนกเป็น

3.1ผลสัมฤทธิ์ระดับสถานศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี่ 1-6 โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2560-2561 พบว่า ปีการศึกษา 2560 โดยรวม มีคะแนนเฉลี่ย GPA = 2.68 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 67.25 และเมื่อพิจารณาแยกเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้หลัก พบว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ย GPA สูงสุด GPA= 2.92 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 73.00 รองลงมาได้แก่ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม GPA = 2.91 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 72.75 ส่วนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ มีคะแนนเฉลี่ย GPA ต่ำสุด = 2.36 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 59.00

ปีการศึกษา 2561 โดยรวมมีคะแนนเฉลี่ย GPA = 2.76 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 68.95 เมื่อพิจารณาแยกเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้หลัก พบว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มีคะแนนเฉลี่ย GPA สูงสุด GPA= 3.04 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 76.00 รองลงมาได้แก่ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย GPA= 2.92 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 73.00 ส่วนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ย GPA ต่ำสุด GPA= 2.48 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 62.00

3.2ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2560-2561 พบว่า

ปีการศึกษา 2560 ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 โดยรวมคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 34.02 เมื่อพิจารณาแยกเป็นกลุ่มสาระที่ทดสอบ พบว่า กลุ่มสาระภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละสูงสุด = 50.31 รองลงมาได้แก่ กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 31.51 ส่วนกลุ่มสาระที่มีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุด ได้แก่ กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 24.37

ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 31.43 เมื่อพิจารณาแยกเป็นกลุ่มสาระที่ทดสอบ พบว่า กลุ่มสาระภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละสูงสุด = 49.48 รองลงมาได้แก่ กลุ่มสาระสังคมศึกษาฯ มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 34.31 ส่วนกลุ่มสาระที่มีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุด ได้แก่ กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 20.12

ปีการศึกษา 2561 ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 โดยรวมคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 37.02 เมื่อพิจารณาแยกเป็นกลุ่มสาระที่ทดสอบ พบว่า กลุ่มสาระภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละสูงสุด = 55.09 รองลงมาได้แก่ กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 36.00 ส่วนกลุ่มสาระที่มีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุด ได้แก่ กลุ่มสาระภาษาอังกฤษ มีคะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 28.28

ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 34.07 เมื่อพิจารณาแยกเป็นกลุ่มสาระที่ทดสอบ พบว่า กลุ่มสาระภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละสูงสุด = 46.46 รองลงมาได้แก่ กลุ่มสาระสังคมศึกษาฯ มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 34.75 ส่วนกลุ่มสาระที่มีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุด ได้แก่ กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 28.01

แสดงให้เห็นว่า ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร หลังการพัฒนา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (เพิ่มขึ้น +3) ส่วนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (เพิ่มขึ้น +2.64) สอดคล้องตามสมมติฐาน

3.3ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร จังหวัดระยอง หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2560-2561 พบว่า คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนที่มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีขึ้นไป หลังการพัฒนาทั้ง 2 ปีการศึกษา มีค่าเฉลี่ยร้อยละมากกว่า ร้อยละ 90 ทั้ง 8 ประการ โดยปีการศึกษา 2561 มีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงกว่าปีการศึกษา 260 ทั้ง 8 ประการ และเมื่อพิจารณา ค่าพัฒนา พบว่า คุณลักษณะความพอเพียง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด +5.41 รองลงมาได้แก่ คุณลักษณะมุ่งมั่นในการทำงาน +4.92 ส่วนคุณลักษณะใฝ่เรียนรู้ มีค่าพัฒนาต่ำสุด +3.29 สอดคล้องตามสมมติฐาน

4.ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และเครือข่ายชุมชน ที่มีต่อการเสริมสร้างความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้ “WINAI MODEL” โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร จังหวัดระยอง หลังการพัฒนา พบว่า

ปีการศึกษา 2560 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยกลุ่มเครือข่ายชุมชน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (= 3.67 , S.D. = 0.56) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ กลุ่มผู้ปกครอง (= 3.64 , S.D. = 0.58) อยู่ในระดับมาก และกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ครู (= 3.52 , S.D. = 0.64) อยู่ในระดับมากเช่นกัน

ปีการศึกษา 2561 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด โดยกลุ่มผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (= 4.64 , S.D. = 0.49) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ กลุ่มเครือข่ายชุมชน (= 4.63 , S.D. = 0.62) อยู่ในระดับมากที่สุด และกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กลุ่มครู (= 4.55 , S.D. = 0.56) อยู่ในระดับมากที่สุดเช่นกัน สอดคล้องตามสมมติฐาน

ข้อเสนอแนะ

1.ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้

1.1 ด้านการสร้างองค์ความรู้สถานศึกษาควรให้ความรู้ และทำความเข้าใจกับนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และเครือข่าย ชุมชน เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ถึงแนวทางการพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียน โดยใช้ “WINAI MODEL” ครอบคลุมวินัยในตนเอง 5 ด้าน ได้แก่ ความมีวินัยความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์จิตอาสา และอยู่อย่างพอเพียง เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียนให้สอดคล้องกับภารกิจ และบทบาทหน้าที่ของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสนับสนุนการพัฒนาบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการพัฒนาความมีวินัยในตนเองทั้งที่โรงเรียน บ้าน ชุมชน และสังคมที่เด็กได้อยู่อาศัย

1.2ด้านการเป็นแบบอย่างที่ดีในส่วนของครู ครูจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของนักเรียนทั้งด้านการวางแผน และการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยบูรณาการการเรียนการสอนในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และส่งเสริมให้นักเรียนได้ปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน และมีการประเมินผลตามสภาพจริง เพื่อให้นักเรียนมีวินัยในตนเองสู่ความยั่งยืน

1.3หลังการพัฒนาโรงเรียนควรมีการตรวจสอบพฤติกรรมหรือคุณลักษณะความมีวินัยในตนเองของนักเรียน อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง เพื่อดูแนวโน้มความยั่งยืน หรือความคงทนถาวรของความมีวินัยในตนเอง และมีการทบทวนกิจกรรมต่างๆ เพื่อปรับปรุงพัฒนาให้สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของชุมชน สังคม และนโยบายแห่งรัฐ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

2.ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป

2.1ควรศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความมีวินัยในตนเองของนักเรียนสู่ความยั่งยืน

2.2ควรศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความมีวินัยในตนเองของนักเรียนกับคุณภาพผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

2.3ควรศึกษาผลกระทบของความมีวินัยในตนเองของนักเรียนที่มีต่อชุมชน และสังคมโดยรอบสถานศึกษา

โพสต์โดย นางสาวณิชชา โตใหญ่ดี : [3 ม.ค. 2563 เวลา 07:55 น.]
อ่าน [3057] ไอพี : 110.77.137.213
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 13,970 ครั้ง
ผู้เรียนและสังคมได้อะไร จากนโยบาย"ลดเวลาเรียน เพิ่มการเรียนรู้"
ผู้เรียนและสังคมได้อะไร จากนโยบาย"ลดเวลาเรียน เพิ่มการเรียนรู้"

เปิดอ่าน 20,909 ครั้ง
10 เรื่องจริงเกี่ยวกับความฝัน ที่คุณอาจไม่เคยรู้
10 เรื่องจริงเกี่ยวกับความฝัน ที่คุณอาจไม่เคยรู้

เปิดอ่าน 15,205 ครั้ง
เดินหน้าปฏิรูป การวัดผลการศึกษา 59
เดินหน้าปฏิรูป การวัดผลการศึกษา 59

เปิดอ่าน 40,697 ครั้ง
รับชมย้อนหลัง "นายกรัฐมนตรีพบเพื่อนครู" วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2559
รับชมย้อนหลัง "นายกรัฐมนตรีพบเพื่อนครู" วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2559

เปิดอ่าน 12,323 ครั้ง
การเลือกโต๊ะที่เป็นมงคล
การเลือกโต๊ะที่เป็นมงคล

เปิดอ่าน 22,283 ครั้ง
ถอนผมหงอก...ดีไหม
ถอนผมหงอก...ดีไหม

เปิดอ่าน 11,687 ครั้ง
13 ความเชื่อที่ควรรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม
13 ความเชื่อที่ควรรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม

เปิดอ่าน 9,378 ครั้ง
“นิทานก่อนนอน”กิจกรรมยามดึกที่หนูๆชื่นชอบ
“นิทานก่อนนอน”กิจกรรมยามดึกที่หนูๆชื่นชอบ

เปิดอ่าน 12,995 ครั้ง
"แป้งพับ"ก๊อปปี้แบรนด์ดังสุดน่ากลัว
"แป้งพับ"ก๊อปปี้แบรนด์ดังสุดน่ากลัว

เปิดอ่าน 14,318 ครั้ง
กินหมึกสด หมึกดูดปาก ฮาตรึม
กินหมึกสด หมึกดูดปาก ฮาตรึม

เปิดอ่าน 11,071 ครั้ง
นวดเองก็ได้ ..ง่ายจัง
นวดเองก็ได้ ..ง่ายจัง

เปิดอ่าน 13,917 ครั้ง
จดหมายฉบับที่ 79 ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถึงเวลาจัดทัพใหม่ด้านคุณภาพการศึกษา
จดหมายฉบับที่ 79 ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถึงเวลาจัดทัพใหม่ด้านคุณภาพการศึกษา

เปิดอ่าน 78,669 ครั้ง
เทคนิคพิเศษในการระบายสี
เทคนิคพิเศษในการระบายสี

เปิดอ่าน 8,661 ครั้ง
เจ้าฟ้ามหาจักรี ต้นแบบของครูทั้งแผ่นดิน
เจ้าฟ้ามหาจักรี ต้นแบบของครูทั้งแผ่นดิน

เปิดอ่าน 882 ครั้ง
ของฝากประจำจังหวัดศรีสะเกษ สินค้าแนะนำภาคอีสาน
ของฝากประจำจังหวัดศรีสะเกษ สินค้าแนะนำภาคอีสาน

เปิดอ่าน 59,335 ครั้ง
พระพุทธรูปในศิลปะไทยสมัยต่าง ๆ
พระพุทธรูปในศิลปะไทยสมัยต่าง ๆ
เปิดอ่าน 38,638 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 10 ลูกบอลอยู่ในการเล่นและอยู่นอกการเล่น
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 10 ลูกบอลอยู่ในการเล่นและอยู่นอกการเล่น
เปิดอ่าน 45,593 ครั้ง
ระเบียบการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ ของผู้ที่เงินเดือนเต็มขั้น
ระเบียบการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ ของผู้ที่เงินเดือนเต็มขั้น
เปิดอ่าน 37,207 ครั้ง
ครีมเทียม กินมาก อันตรายกว่าที่คิด!
ครีมเทียม กินมาก อันตรายกว่าที่คิด!
เปิดอ่าน 785 ครั้ง
ENNXO ชวนอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง ปี 2024 ที่ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต
ENNXO ชวนอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง ปี 2024 ที่ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ