ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD

เรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1โดยใช้รูปแบบการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD

ผู้ศึกษาค้นคว้า นางนุสรา เพ็งพล

โรงเรียน โรงเรียนบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

ปีที่พิมพ์ 2562

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD 2) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD ให้มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 80 และนักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของนักเรียนทั้งหมดมีคะแนนตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 1/2 ที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 35 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติการ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องอัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน

12 แผนการจัดการเรียนรู้ 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติการ ได้แก่ แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน แบบบันทึกผลหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ แบบสัมภาษณ์ผู้เรียนเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และแบบทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการ 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ 2 รหัสวิชา ค21102 เรื่องอัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 30 ข้อ แบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก รูปแบบวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) มีวงจรปฏิบัติการ 3 วงจร สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสรุปความเรียง

ผลการวิจัย พบว่า

1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD เป็นรูปแบบการสอนที่มีประสิทธิภาพ เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ การคิดวิเคราะห์ ทำความเข้าใจวางแผนเลือกแนวทางแก้ปัญหาด้วยตนเอง มีทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนความรู้ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กล้าแสดงความคิดเห็น ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

เมื่อมีเหตุผลดีกว่า รับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย โดยมีขั้นตอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนี้ 1) ขั้นนำเสนอบทเรียนต่อทั้งชั้น มี 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย (1) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน

เป็นการแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้และทบทวนความรู้เดิม เพื่อเตรียมความพร้อมและเร้าความสนใจชองผู้เรียนให้พร้อมที่จะเรียนเรื่องใหม่ (2) ขั้นสอน ผู้วิจัยเสนอเนื้อหาใหม่ซึ่งเป็นสถานการณ์ปัญหาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ใช้สื่อการสอน ใช้เทคนิคการถาม – ตอบ กระตุ้นความคิดประกอบการอธิบาย เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้อยากเห็น (3) ขั้นสรุปเป็นการอภิปรายร่วมกันจนได้ข้อสรุปของเนื้อหา 2) ขั้นการศึกษากลุ่มย่อย เป็นขั้นที่ผู้เรียนเข้ากลุ่มศึกษาใบความรู้ โดยผู้เรียนศึกษาเนื้อหาจนเข้าใจครบทุกคน หลังจากนั้นช่วยกันทำใบงานหรือกิจกรรมไปพร้อม ๆ กัน 3) ขั้นการทดสอบย่อย หลังจากสิ้นสุดการเรียนในแต่ละวงจรปฏิบัติการ ผู้เรียนทำแบบทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการ โดยต่างคนต่างทำไม่มีการช่วยเหลือกัน 4) ขั้นการคิดคะแนนความก้าวหน้า คือผลต่างระหว่างคะแนนฐานกับคะแนนที่ผู้เรียนทำการทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการเพื่อหาคะแนนความก้าวหน้าของกลุ่ม 5) ขั้นการคิดคะแนนกลุ่มที่ได้รับการยกย่องเป็นการนำคะแนนความก้าวหน้าของกลุ่มมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แล้วทำการจัดระดับของกลุ่มเพื่อรับรางวัลเป็นกลุ่มเก่ง (Good team) กลุ่มเก่งมาก (Great Team) และกลุ่มยอดเยี่ยม (Supper Team) ยกย่องชมเชยกลุ่มที่ประสบผลสำเร็จและมอบรางวัลตามที่ตกลงกันไว้ให้กับกลุ่มที่ประสบผลสำเร็จ มีคะแนนจากการทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการที่ 1,2 และ 3 คิดเป็นร้อยละ 81.50 , 82.50 และ 82.80 ตามลำดับ และในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ผู้เรียนได้รับพัฒนาการผ่านรูปแบบการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD ทำให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการทำงานเป็นกลุ่มมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีความสามัคคี ความรับผิดชอบ กล้าแสดงออกและมีความมั่นใจในตัวเอง

2. การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ 81.42 และมีจำนวนผู้เรียนร้อยละ 82.50 ของผู้เรียนทั้งหมดมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ 80 ขึ้นไป

3. การศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องอัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ =4.83)

โพสต์โดย ครูนุสรา : [22 ธ.ค. 2562 เวลา 12:24 น.]
อ่าน [4932] ไอพี : 223.205.216.198
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 13,342 ครั้ง
หักดิบเลิกบุหรี่.. แพทย์ยืนยันได้ผลดีกว่าลด
หักดิบเลิกบุหรี่.. แพทย์ยืนยันได้ผลดีกว่าลด

เปิดอ่าน 42,508 ครั้ง
ย้อนรอยสายราชสกุล... ในพระบรมราชจักรีวงศ์ (๑)
ย้อนรอยสายราชสกุล... ในพระบรมราชจักรีวงศ์ (๑)

เปิดอ่าน 43,192 ครั้ง
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 (ฉบับที่ 2)
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 (ฉบับที่ 2)

เปิดอ่าน 11,386 ครั้ง
ครม.มีมติตั้งอำเภอใหม่ กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่
ครม.มีมติตั้งอำเภอใหม่ กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่

เปิดอ่าน 32,097 ครั้ง
สพฐ.เผยแพร่หน่วยการเรียนรู้ Active Learning ที่ได้รับรางวัลเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับครูในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้
สพฐ.เผยแพร่หน่วยการเรียนรู้ Active Learning ที่ได้รับรางวัลเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับครูในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้

เปิดอ่าน 20,934 ครั้ง
"พลูด่าง" ไม้มงคลเสริมโชคลาภ
"พลูด่าง" ไม้มงคลเสริมโชคลาภ

เปิดอ่าน 12,640 ครั้ง
เคล็ดลับการเรียนเก่งด้วยตัวเอง
เคล็ดลับการเรียนเก่งด้วยตัวเอง

เปิดอ่าน 14,536 ครั้ง
พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์

เปิดอ่าน 15,907 ครั้ง
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ขอสินเชื่อใหม่ไม่ยากอย่างที่คิด
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ขอสินเชื่อใหม่ไม่ยากอย่างที่คิด

เปิดอ่าน 298,368 ครั้ง
รายการคำทับศัพท์รวบรวมจากการสะกดตามราชบัณฑิตยสถาน
รายการคำทับศัพท์รวบรวมจากการสะกดตามราชบัณฑิตยสถาน

เปิดอ่าน 22,483 ครั้ง
Backward Design
Backward Design

เปิดอ่าน 21,652 ครั้ง
พระสยามเทวาธิราช
พระสยามเทวาธิราช

เปิดอ่าน 12,354 ครั้ง
หัวไชเท้าช่วยละลายเสมหะ
หัวไชเท้าช่วยละลายเสมหะ

เปิดอ่าน 20,873 ครั้ง
อีกวิธีสำหรับหยุดอาการ "สะอึก"
อีกวิธีสำหรับหยุดอาการ "สะอึก"

เปิดอ่าน 94,748 ครั้ง
รถเกียร์ออโต้จะเข้าเกียร์ N หรือ ค้างที่ D เวลาติดไฟแดงดีนะ?
รถเกียร์ออโต้จะเข้าเกียร์ N หรือ ค้างที่ D เวลาติดไฟแดงดีนะ?

เปิดอ่าน 64,988 ครั้ง
โปรแกรมคำนวณบำเหน็จบำนาญข้าราชการปกติ
โปรแกรมคำนวณบำเหน็จบำนาญข้าราชการปกติ
เปิดอ่าน 1,442 ครั้ง
ไขมันในร่างกาย
ไขมันในร่างกาย
เปิดอ่าน 17,346 ครั้ง
ยาปฏิชีวนะ
ยาปฏิชีวนะ
เปิดอ่าน 15,406 ครั้ง
รวมสถานที่เที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติปี 52
รวมสถานที่เที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติปี 52
เปิดอ่าน 4,015 ครั้ง
แนะนำอาหารสำหรับผู้ป่วยลองโควิด (Long COVID)
แนะนำอาหารสำหรับผู้ป่วยลองโควิด (Long COVID)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ