หัวข้อวิจัย ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบซิปปาที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เรื่อง การบริหารจิตและการเจริญปัญญา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
สาขาวิจัย สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ผู้นำรายงาน นายจีราวัฒน์ จั๋นต๊ะวงค์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
โรงเรียนแม่อายวิทยาคม อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบซิปปาที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การบริหารจิตและการเจริญปัญญา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบระหว่างคะแนนการทดสอบก่อนเรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การบริหารจิตและการเจริญปัญญา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของผู้เรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบซิปปา และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบซิปปา เรื่อง การบริหารจิตและการเจริญปัญญา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 จำนวน 31 คน ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนแม่อายวิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling)
รูปแบบการวิจัยแบบ One Group Pretest Posttest Design ใช้ระยะเวลาทดลอง 12 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบซิปปา เรื่อง การบริหารจิตและการเจริญปัญญา จำนวน 6 แผน การหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ครั้งนี้ ใช้เกณฑ์ E1 / E2 : ไม่ต่ำกว่า 80/80 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 15 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลและใช้สถิติ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการประเมินแบบ t-test dependent สรุปผล ดังนี้
1. ผลการพัฒนาและหาคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบซิปปา เรื่อง การบริหารจิตและการเจริญปัญญา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 6 แผน มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 81.10/82.03 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
2. ผลการเปรียบเทียบระหว่างคะแนนการทดสอบก่อนเรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การบริหารจิตและการเจริญปัญญา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของผู้เรียนที่เรียนด้วยรูปแบบซิปปา พบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าคะแนนการทดสอบก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.01 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยที่กำหนดไว้
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบซิปปา พบว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยเรียงตามลำดับมากไปหาน้อย คือ 1) ด้านบรรยากาศการจัดการเรียนรู้ 2) ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3) ด้านประโยชน์ที่ได้รับ เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านบรรยากาศการจัดการเรียนรู้ ผู้เรียนเห็นว่าสามารถทำให้ผู้เรียนมีโอกาสได้ทำกิจกรรมด้วยตนเอง สนุกสนานกับการเรียน และมีโอกาสได้เป็นทั้งผู้นำและผู้ตาม สำหรับด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้เรียนมีความเห็นว่า ได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้มาก ได้แสวงหาความรู้ด้วยตนเองและได้ทบทวนความรู้ก่อนเรียน และด้านประโยชน์ที่ได้รับ ผู้เรียนมีความพึงพอใจในระดับมาก ทำให้ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนได้เร็ว มีความสามัคคีกันและสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตจริง