บทคัดย่อ
ชื่องานวิจัย การพัฒนาชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนา
การด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย
ผู้วิจัย นางธัญญ์พิชชา ทองแจ่ม
ปีที่พิมพ์ พ.ศ. 2562
การพัฒนาชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานของเด็กปฐมวัย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้าน นาโพธิ์ สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลนาโพธิ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี 2. เพื่อทดลองใช้ชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย 3. เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 4. เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย 5. เพื่อเปรียบเทียบคะแนนประเมินผลระดับความรู้ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย 6. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของเด็กปฐมวัยที่เรียนรู้จากชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาวิจัย เป็นเด็กปฐมวัย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านนาโพธิ์ สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลนาโพธิ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 20 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบสอบถาม คู่มือการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียน
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติ t-test (t-Dependent)
สรุปผลการวิจัย
การพัฒนาชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย สรุปผลได้ดังนี้
1. จากการสัมภาษณ์ โดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง และการสนทนาแบบไม่เป็นทางการจากการสัมภาษณ์ครูที่สอน โดยใช้ชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย ผลการสังเคราะห์จากแบบสัมภาษณ์ พบว่า
1.1 เด็กปฐมวัยขาดความกระตือรือร้นในการเรียน เนื่องจากเนื้อหาในหนังสือเรียนและรูปแบบการนำเสนอไม่น่าสนใจ
1.2 ครูส่วนใหญ่ไม่มีสื่อการสอน ใช้การบรรยายอย่างเดียว ทำให้นักเรียนเบื่อไม่สนใจเรียน
2. ผลการทดลองใช้ชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย โดยดำเนินการทดลอง กับเด็กปฐมวัย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านนาโพธิ์ สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลนาโพธิ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 20 คน ซึ่งไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง พบว่า
2.1 ทดลองแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (One to One Testing) โดยทดลองกับเด็กปฐมวัย จำนวน 3 คน โดยเลือกผู้เรียนที่มีผลการเรียนกลุ่มเก่ง ปานกลาง และอ่อน กลุ่มละ 1 คน ได้ค่าประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 49.13/54.00
2.2 ทดลองใช้กับเด็กปฐมวัย จำนวน 9 คน คือ นักเรียนเก่ง 3 คน ปานกลาง 3 คน และอ่อน 3 คน ได้ค่าประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 49.00/52.88
2.3 ทดลองใช้จริงกับเด็กปฐมวัย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านนาโพธิ์ สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลนาโพธิ์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 20 คน ได้ค่าประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 89.60/89.30
3. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย มีประสิทธิภาพ 89.60/89.30 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
4. ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย มีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.82 หรือคิดเป็นร้อยละ 82.00
5. เด็กปฐมวัยที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย มีคะแนนหลังการใช้รูปแบบการสอนทุกตอนสูงกว่าก่อนใช้รูปแบบการสอน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
6. เด็กปฐมวัยมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์เด็กปฐมวัย โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.59 เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า เด็กปฐมวัยมีระดับความพึงพอใจ ด้านเนื้อหาโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับแรก คือ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เรียงลำดับจากง่ายไปหายาก และมีความทันสมัยน่าสนใจค่าเฉลี่ย 4.62 , 4.57 และ 4.52 ตามลำดับ ในด้านกิจกรรมการเรียนการสอน พบว่า เด็กปฐมวัย มีระดับความพึงพอใจ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับแรก คือ มีลำดับขั้นตอนเหมาะสม ร่วมกิจกรรมด้วยความสุข สนุกสนาน และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกขั้นตอน ค่าเฉลี่ย 4.72 , 4.71 และ 4.68 ตามลำดับ ด้านรูปแบบประกอบการสอน พบว่า เด็กปฐมวัยมีระดับความพึงพอใจ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมาก ไปหาน้อย 3 ลำดับแรก คือ น่าสนใจ สวยงาม ตัวอักษรอ่านง่าย ชัดเจน และภาพประกอบชัดเจนเหมาะสม ค่าเฉลี่ย 4.92 , 4.74 และ 4.63 และด้านการวัดและประเมินผล พบว่า เด็กปฐมวัย มีระดับความพึงพอใจ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 อันดับแรก คือ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย เครื่องมือวัดผลประเมินผลชัดเจนและมีประสิทธิภาพและชุดกิจกรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับเวลาค่าเฉลี่ย 4.64 , 4.61 และ 4.58 ตามลำดับ