ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่ส่งเสริมความสามารถการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ที่ส่งเสริมความสามารถการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ผู้วิจัย นายสุนทร ใจภักดี

ปีการศึกษา 2560

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย (1) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่ส่งเสริมความสามารถการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (2) เพื่อประเมินผลของรูปแบบวิธีสอนที่พัฒนาขึ้น 2.1) เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในเชิงทฤษฏีของรูปแบบวิธีสอน 2.2) เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติการของรูปแบบการสอน 2.2.1) หาประสิทธิภาพของรูปแบบวิธีสอนที่พัฒนาขึ้น 2.2.2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 2.2.3) เปรียบเทียบคะแนนความสามารถการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ครูผู้สอนวิชาฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จำนวน 7 คน และนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนราษีไศล อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ที่กำลังเรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 36 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบวิธีสอน แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่ส่งเสริมความสามารถการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง คลื่น วิชาฟิสิกส์พื้นฐาน ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ตั้งแต่ 0.22 ถึง 0.61 ค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.26 ถึง 0.74 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.85 และ 4) แบบทดสอบความสามารถการคิดวิเคราะห์ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ตั้งแต่ 0.22 ถึง 0.56 ค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.28 ถึง 0.72 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.86 การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ระยะการสร้างรูปแบบการเรียนรู้ และระยะการศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรียนรู้ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t-test (Dependent Samples) และนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการพรรณาวิเคราะห์

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

1. รูปแบบวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่ส่งเสริมความสามารถการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มี 5 องค์ประกอบ คือ 1) ทฤษฎี แนวคิดและหลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) สาระและเนื้อหา 4) การจัดการเรียนรู้ตามแนววิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ได้แก่ ขั้นตรวจสอบความรู้เดิม ขั้นเร้าความสนใจ ขั้นสำรวจและค้นหา ขั้นอธิบาย ขั้นขยายความรู้ ขั้นประเมินผล และขั้นนำความรู้ไปใช้ และ 5) การวัดและประเมิน

2. รูปแบบการสอนเชิงทฤษฏี มีความเหมาะสมและความสอดคล้องขององค์ประกอบ อยู่ในระดับมาก และแผนการเรียนรู้ที่พัฒนาตามรูปแบบการสอน มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด

3. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น เรื่องคลื่น วิชาฟิสิกส์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 81.61/80.65 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้

4. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น เรื่องคลื่น วิชาฟิสิกส์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่วิเคราะห์จากคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าเท่ากับ 0.7089 นั่นคือ นักเรียนมีความก้าวหน้าในด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคิดเป็นร้อยละ 70.89

5. นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่ส่งเสริมความสามารถการคิดวิเคราะห์ เรื่องคลื่น วิชาฟิสิกส์พื้นฐาน ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05

6. นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่ส่งเสริมความสามารถการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนความสามารถการคิดวิเคราะห์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05

โพสต์โดย สุนทร ใจภักดี : [2 ก.ย. 2562 เวลา 00:54 น.]
อ่าน [4859] ไอพี : 113.53.41.142
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 19,554 ครั้ง
สุดยอด 5 ผลไม้บำรุงเลือด
สุดยอด 5 ผลไม้บำรุงเลือด

เปิดอ่าน 15,930 ครั้ง
เลิกตามใจลูก ปลูกวินัยวัยเด็ก
เลิกตามใจลูก ปลูกวินัยวัยเด็ก

เปิดอ่าน 11,150 ครั้ง
แนะวิธีสังเกต ธนบัตรปลอม
แนะวิธีสังเกต ธนบัตรปลอม

เปิดอ่าน 15,864 ครั้ง
แบบออกกำลังพื้นฐาน สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 10
แบบออกกำลังพื้นฐาน สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 10

เปิดอ่าน 20,408 ครั้ง
ท่าบริหารไหล่และแขนคนทำงาน
ท่าบริหารไหล่และแขนคนทำงาน

เปิดอ่าน 13,750 ครั้ง
ADT โรคใหม่มาแรงของผู้บริหารและมนุษย์ออฟฟิศ
ADT โรคใหม่มาแรงของผู้บริหารและมนุษย์ออฟฟิศ

เปิดอ่าน 5,883 ครั้ง
วิธีเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับผิว
วิธีเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับผิว

เปิดอ่าน 15,922 ครั้ง
ติดกาแฟทั้งที อย่างนี้ต้องดื่มให้ฉลาด
ติดกาแฟทั้งที อย่างนี้ต้องดื่มให้ฉลาด

เปิดอ่าน 16,700 ครั้ง
วอยเอเจอร์ 2 เผยระบบสุริยะไม่กลม
วอยเอเจอร์ 2 เผยระบบสุริยะไม่กลม

เปิดอ่าน 51,238 ครั้ง
ประโยชน์ "คาเฟอีน" ในกาแฟ
ประโยชน์ "คาเฟอีน" ในกาแฟ

เปิดอ่าน 15,741 ครั้ง
หาฟังได้ยากยิ่ง คลิปคุณยายวัย 94 ปีท่อง "ก.ไก่-ฮ.นกฮูก" แบบโบราณ
หาฟังได้ยากยิ่ง คลิปคุณยายวัย 94 ปีท่อง "ก.ไก่-ฮ.นกฮูก" แบบโบราณ

เปิดอ่าน 42,948 ครั้ง
กฎหมายตราสามดวง
กฎหมายตราสามดวง

เปิดอ่าน 62,209 ครั้ง
คณิตศาสตร์ง่ายๆแต่แปลกดีแท้
คณิตศาสตร์ง่ายๆแต่แปลกดีแท้

เปิดอ่าน 19,938 ครั้ง
25 พฤศจิกายน วันวชิราวุธ
25 พฤศจิกายน วันวชิราวุธ

เปิดอ่าน 10,391 ครั้ง
7 โรคอันตราย ที่มักเกิดกับสาว ๆ มากกว่าผู้ชาย !
7 โรคอันตราย ที่มักเกิดกับสาว ๆ มากกว่าผู้ชาย !

เปิดอ่าน 22,667 ครั้ง
ความหมายของมัลติมีเดีย
ความหมายของมัลติมีเดีย
เปิดอ่าน 1,355 ครั้ง
"สมาคมธนาคารไทย" แนะ 6 วิธีป้องกันแอปดูดเงิน
"สมาคมธนาคารไทย" แนะ 6 วิธีป้องกันแอปดูดเงิน
เปิดอ่าน 10,757 ครั้ง
ระวัง! สารฟอกขาวในตะเกียบ
ระวัง! สารฟอกขาวในตะเกียบ
เปิดอ่าน 84,885 ครั้ง
คาถาเรียกทรัพย์ ของหลวงปู่เสือดำ
คาถาเรียกทรัพย์ ของหลวงปู่เสือดำ
เปิดอ่าน 20,707 ครั้ง
รู้ไว้ใช่เสียหาย "กัญชง" ต่างจาก "กัญชา" อย่างไร?
รู้ไว้ใช่เสียหาย "กัญชง" ต่างจาก "กัญชา" อย่างไร?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ