ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
เรื่อง ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์
ผู้วิจัย นายพิกุลทอง ชาเคน
หน่วยงาน โรงเรียนศรีเสมาวิทยาเสริม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น
ปีที่พิมพ์ พ.ศ.2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามแนวคิดของทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ และเพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัค ติวิสต์ วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม โดยมีรายละเอียดการดำเนินการวิจัยในประเด็นต่างๆ ดังนี้
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนศรีเสมาวิทยาเสริม อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น จำนวน 22 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้หาประสิทธิภาพในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติ ได้แก่ แบบประเมินผลด้านความรู้ แบบประเมินผลการปฏิบัติงานกลุ่ม (ใช้สำหรับประเมินทักษะกระบวนการ) แบบประเมินด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ บันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และแบบทดสอบย่อยท้ายวงจร มี 3 ชุด ชุดละ 20 ข้อ (ซึ่งผ่านการวิเคราะห์คุณภาพของข้อสอบแล้ว) 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบทดสอบแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ (ซึ่งผ่านการวิเคราะห์คุณภาพของข้อสอบแล้ว) และ 4) เครื่องมือที่ใช้ประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามแนวคทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ได้แก่แบบสอบถามความพึงพอใจ
การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยปฏิบัติการซึ่งมีวงจรปฏิบัติการ 3 วงจรดังนี้ วงจรปฏิบัติการที่ 1 ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 - 6 วงจรปฏิบัติการที่ 2 ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 - 9 และวงจรปฏิบัติการที่ 3 ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 - 12 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ทำการบันทึกผลการปฏิบัติแล้วนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้มาสรุปหาข้อบกพร่องและแนวทางแก้ไข นำไปปรับปรุงแผนการปฏิบัติการในวงจรต่อไป การดำเนินการวิจัยได้ผลดังต่อไปนี้
1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ โดยมีหลักการและเป้าหมาย เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้ความเข้าใจด้วยตัวนักเรียนเอง สามารถนำประสบการณ์ในชีวิตประจำวันมาสัมพันธ์กับคณิตศาสตร์ รวมถึงการช่วยเหลือกันและกันในการเรียนรู้ภายใต้บรรยากาศที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีความสามารถในการใช้กระบวนการคิดของตนเองแก้ปัญหา ซึ่งรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ประกอบด้วย 5 ขั้น คือ 1) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมของนักเรียน เป็นการแจ้งจุดประสงค์และทบทวนความรู้เดิม 2) ขั้นสอน ประกอบด้วย (1) เสนอปัญหาและไตร่ตรองรายบุคคล (2) ไตร่ตรองระดับกลุ่มย่อย (3) ไตร่ตรองระดับชั้นเรียน 3) ขั้นสรุป เป็นการสรุปมโนมติ ความรู้ หรือหลักการต่างๆ ที่ได้เรียนในแต่ละชั่วโมง 4) ขั้นฝึกทักษะและการนำไปใช้ ให้นักเรียนฝึกทักษะจากใบกิจกรรมและแบบฝึกเสริมทักษะ ให้เพื่อนในกลุ่มช่วยกันตรวจสอบคำตอบที่ถูกต้องจากบัตรเฉลย 5) ขั้นประเมินผล เป็นการตรวจสอบระดับความรู้ของนักเรียนจากการทำใบกิจกรรมและ แบบฝึกเสริมทักษะ ว่ามีความรู้ความสามารถตามเกณฑ์ที่ได้ตั้งไว้หรือไม่
2. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ของ Underhill (1991) เป็นการจัดกิจกรรมที่เน้นให้นักเรียนได้เผชิญกับปัญหา ได้ลงมือปฏิบัติได้รับประสบการณ์ตรงและได้อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของนักเรียนทำให้นักเรียนมีความสุข สนุกสนานกับการเรียน ทั้งยังได้รับความรู้และประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการเรียนอีกด้วย อย่างไรก็ตามครูควร จัดสื่อที่สามารถเร้าความสนใจนักเรียนได้ตลอดเวลา และควรกระตุ้นให้นักเรียนกล้าแสดงออก เพื่อให้การจัดกิจกรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
3. นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดทฤษฏีคอนสตรัคติวิสต์ ส่งผลต่อการพัฒนาการเรียนการสอนดังนี้
3.1 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ 82.95 โดยมีนักเรียน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 90.91 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3.2 ผลการประเมินพฤติกรรมในการเรียนรู้ พบว่า โดยรวม มีค่าเฉลี่ยร้อยละของนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ระดับดี 93.94 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ร้อยละ 80
3.3 ผลการประเมินทักษะในการปฏิบัติงาน พบว่า โดยรวม มีค่าเฉลี่ยร้อยละของนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ระดับดี 98.11 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ร้อยละ 80
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเรียนการสอนตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ มีคะแนนเฉลี่ยโดยรวมเท่ากับ 4.29 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.35 อยู่ในระดับพึงพอใจมาก