ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะเรื่องการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำ ร ล ว
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ สืบเสาะ (5E) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ผู้รายงาน นางอรอนงค์ พรหมเดช ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนเทศบาลวัดมเหยงคณ์ เทศบาลนครนครศรีธรรมราช
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะเรื่องการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำ ร ล ว โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (5E) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะเรื่องการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำ ร ล ว โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (5E) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะเรื่องการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำ ร ล ว โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (5E) หรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนเมื่อผ่านการเรียนรู้จากแบบฝึกเสริมทักษะเรื่องการอ่านการเขียนคำควบกล้ำ ร ล ว โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (5E) สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่าง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2560โรงเรียนเทศบาลวัดมเหยงคณ์ จำนวน 43 คนโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยวิธีจับฉลากโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (5 E) โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและ การเขียนคำควบกล้ำ ร ล ว จำนวน 16 แผน แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำ ร ล ว จำนวน 16 แบบฝึก แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำ ร ล ว กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ซึ่งเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 50 ข้อและ แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำ ร ล ว ตามแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (5E) จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ ใช้ในการวิเคราะห์ ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติทดสอบที (t-test dependent) ผู้วิจัยได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับต่อไปนี้
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะ ที่ผู้รายงานได้สร้างขึ้นมีค่าประสิทธิภาพจาก การทดลองแบบรายบุคคล มีค่าเท่ากับ 82.29/86.00 การทดลองแบบกลุ่มเล็ก มีค่าเท่ากับ 80.93/82.00ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2560 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80/80
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนจากแบบฝึกเสริมทักษะ ในภาพรวม พบว่า มีผลสัมฤทธิ์การเรียนหลังเรียน มีค่าเท่ากับ 44.20 ซึ่งสูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนก่อนการเรียนรู้มีค่าเท่ากับ 25.60 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนเมื่อเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะเรื่องการอ่านและการเขียนคำควบกล้ำ ร ล ว โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (5E) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด