ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยบันได 5 ขั้น (QSCCS) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือและบูรณาการสอดแทรก เรื่อง การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางสุภรา ช้างพลายงาม
ปีที่ศึกษา 2561
บทคัดย่อ
ในการวิจัย เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยบันได 5 ขั้น (QSCCS) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือและบูรณาการสอดแทรก เรื่อง การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อศึกษาผลการใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการพัฒนารูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยบันได 5 ขั้น (QSCCS) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือและบูรณาการสอดแทรก เรื่อง การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังจากที่ได้รับการพัฒนารูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยบันได 5 ขั้น (QSCCS) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือและบูรณาการสอดแทรก เรื่อง การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยบันได 5 ขั้น (QSCCS) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือและบูรณาการสอดแทรก เรื่อง การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มเป้าหมายในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนโยธินนุกูล สังกัดเทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 34 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าได้แก่ (1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติการ
คือ แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยบันได 5 ขั้น (QSCCS) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือและบูรณาการสอดแทรก เรื่อง การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 12 แผน (2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติการได้แก่ แบบบันทึกผลหลังใช้แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้, แบบสัมภาษณ์นักเรียน และ (3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพในการจัดกระบวนการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, แบบประเมินความสามารถในการใช้ทักษะวิชาที่นำมาบูรณาการ และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการสอดแทรกร่วมกับกระบวนการเรียนแบบร่วมมือ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษา
1. ผลการใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการพัฒนารูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยบันได 5 ขั้น (QSCCS) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือและบูรณาการสอดแทรก เรื่อง การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผลการวิจัยเชิงปฏิบัติการในวงจรที่ 1 พบว่า ด้านพฤติกรรมการสอนของครู ครูผู้สอนวางแผนการสอนมาล่วงหน้า ครูเป็นผู้สาธิตขั้นตอนการทำงาน เปิดโอกาสให้นักเรียนร่วมสรุปความรู้ต่างๆ ชี้แนะ ให้คำปรึกษา เพิ่มเติม กระตุ้นให้นักเรียนกล้าแสดงออก ป้อนคำถามให้ตอบ พยามสอดแทรกทักษะภาษาอังกฤษ ทัศนศิลป์ และสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมควบคู่ เน้นให้นักเรียนเกิดความสามัคคีในคู่ของตน ร่วมมือกันทำงาน มีความรับผิดชอบ ครูคอยกำกับดูแลและตรวจงานนักเรียนอย่างทั่วถึง ด้านพฤติกรรมของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีความตั้งใจ สนใจ กระตือรือร้น ไม่กดดัน แต่ยังช่วยเหลือกันบ้างภายในคู่ของตน ร่วมกันสรุปประเด็นความรู้ สร้างสรรค์ผลงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันยังน้อยมาก นักเรียนบางคนยังไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก ส่วนใหญ่คนเรียนเก่ง จะเป็นผู้ทำงาน คนเรียนอ่อนไม่ได้มีส่วนร่วมในการเรียนมากนัก สรุปผลคะแนนของนักเรียนจากการทำ
ใบงานหรือชิ้นงานท้ายแผนวงจรที่ 1 นักเรียนมีผลคะแนนเฉลี่ยผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 28 คน (14 คู่) และมีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 6 คน (3 คู่) โดยในภาพรวมทั้งหมดมีจำนวนนักเรียน ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ร้อยละ 80
ผลการวิจัยเชิงปฏิบัติการในวงจรที่ 2 พบว่า ด้านพฤติกรรมการสอนของครู ครูใช้คำถาม กระตุ้นให้นักเรียนคิดทบทวนความรู้เดิมเพื่อเชื่อมโยงไปสู่ความรู้ใหม่ ใช้ตัวอย่างงานเป็นสื่อ อธิบายและสาธิตขั้นตอน ให้นักเรียนฟัง หากนักเรียนมีข้อสงสัยจะใช้วิธีการสอนซ้ำหรือสาธิตใหม่อย่างช้าๆ ให้คำแนะนำ คำปรึกษาเมื่อเกิดปัญหาระหว่างเรียน มีการตรวจผลงานหรือชิ้นงานด้วยความเที่ยงตรง เน้นให้ทำงานแบบคู่คิด ด้านพฤติกรรมของนักเรียน พบว่า นักเรียนชื่นชอบ มีความสนุกสนาน เกิดความอุ่นใจ กล้าที่จะปฏิบัติงาน ร่วมมือกันทำงาน มีการแบ่งหน้าที่ ช่วยกันคิดและเรียนร่วมกัน แต่ยังมีนักเรียนบางคู่ที่ปฏิบัติงานไม่ได้ตามที่กำหนด เพราะนั่งคุยเรื่องอื่นหรือเล่นโปรแกรมอื่นๆ นักเรียนเก่งหรือนักเรียนที่เรียนดีมีจิตสาธารณะช่วยสอนเพื่อนที่ปฏิบัติไม่ได้ สรุปผลคะแนนของนักเรียนจากการ ทำใบงานหรือชิ้นงานท้ายแผนวงจรที่ 2 พบว่า นักเรียนมีผลคะแนนเฉลี่ยผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 32 คน (16 คู่) และมีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 2 คน (1 คู่) โดยในภาพรวมทั้งหมดมีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ร้อยละ 80
ผลการวิจัยเชิงปฏิบัติการในวงจรที่ 3 พบว่า ด้านพฤติกรรมการสอนของครู ครูผู้สอนมีการปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติในใบความรู้ให้ละเอียดขึ้น มีการทดลองปฏิบัติก่อนนำมาสอนจริงใช้วิธีการสอนแบบกระชับคำพูด สาธิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป สอบถามนักเรียนเป็นระยะๆ กระตุ้นนักเรียนที่เรียนอ่อนให้ฝึกปฏิบัติบ่อยๆ ให้การเสริมแรงนักเรียนเมื่อนักเรียนคู่ไหนที่สามารถปฏิบัติงานได้ดี ถูกต้อง ตรงกำหนดเวลา คอยกำกับดูแล ช่วยเหลือนักเรียนอย่างเป็นกันเอง ด้านพฤติกรรมของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีความสุขกับการเรียนแบบคู่คิด มีความเป็นกันเอง การทำงานเข้ากันได้ดี ช่วยกันคิด ช่วยกันทำงานได้อย่างดี ส่วนทักษะด้านภาษาอังกฤษ ทัศนศิลป์ และสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมมีการพัฒนาดีขึ้นทั้ง 3 วิชา เรียนได้รู้เรื่องครบถ้วน ปฏิบัติงานได้ดี ถูกต้อง ตรงกำหนดเวลา สรุปผลคะแนนของนักเรียนจากการทำใบงานหรือชิ้นงานท้ายวงจรทั้ง 3 วงจร พบว่า นักเรียนมีผลคะแนนเฉลี่ยผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ทุกคนและจำนวนนักเรียนทั้งหมดผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ร้อยละ 80 และสรุปผลคะแนนความสามารถในการใช้ทักษะวิชาที่นำมาบูรณาการทั้ง 12 แผน (วงจรที่ 1- 3) พบว่า นักเรียนมีคะแนนความสามารถในการใช้ทักษะวิชาภาษาอังกฤษ วิชาทัศนศิลป์ และวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โดยภาพรวมอยู่ในระดับดีขึ้นไปทุกแผนและทุกวงจร
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังจากที่ได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยบันได 5 ขั้น (QSCCS) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือและบูรณาการสอดแทรก เรื่อง การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ทุกคน
3. ผลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนารูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยบันได 5 ขั้น (QSCCS) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือและบูรณาการสอดแทรก เรื่อง การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก