ชื่อวิจัย การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์แบบ PAPAE Model เรื่อง เศษส่วน
และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย ชนิสรา นิยม
ปีที่วิจัย 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมาย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนเทศบาล 3 (เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา)
2) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์แบบ PAPAE Model เรื่อง เศษส่วน และ
การบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์แบบ PAPAE Model เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของครูผู้สอน ต่อรูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์แบบ PAPAE Model เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) แบ่งขั้นตอนการดำเนินการเป็น 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ขั้นตอนที่ 2 การออกแบบและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอน และขั้นตอนที่ 4 การประเมินผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอน
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 3 (เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา) และนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 1 (วัดเจียงอี) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองศรีสะเกษ จำนวน 30 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าที (t - test Dependent Sample)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาสภาพปัญหาการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ในโรงเรียนเทศบาล 3 (เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา) ผลพบว่า การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรายวิชาคณิตศาสตร์ มีสภาพปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง (x̄ = 2.75, S.D. = 0.80) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีปัญหาด้านกระบวนการเรียนการสอนอยู่ในระดับปานกลาง (x̄ = 3.11, S.D. = 0.77) ส่วนด้านการใช้สื่อการสอนและการปกครองชั้นเรียน และด้านบุคลิกภาพของครู มีปัญหาในระดับน้อย ซึ่งด้านที่มีปัญหาน้อยที่สุด คือ ด้านบุคลิกภาพของครู (x̄ = 2.44, S.D. = 0.63)
2. รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์แบบ PAPAE Model เรื่อง เศษส่วน และ
การบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่พัฒนาขึ้น มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ คือ หลักการ จุดมุ่งหมาย กระบวนการเรียนรู้ และการวัดและการประเมินผล ซึ่งกระบวนการเรียนรู้ ประกอบด้วย ขั้นที่ 1 ขั้นนำเสนอปัญหา/สถานการณ์ (Presentation) ขั้นที่ 2 ขั้นวิเคราะห์หลักการเพื่อสื่อสารความคิด (Analyze principles for communicating ideas) ขั้นที่ 3 ขั้นพิสูจน์หลักการด้วยการฝึก (Proof of practice) ขั้นที่ 4 ขั้นประยุกต์ใช้ (Application) และขั้นที่ 5 ขั้นประเมินค่าของคำตอบ (Evaluation of the answer) โดยมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด (x̄= 4.55 , S.D. = 0.53) และมีความสอดคล้องระหว่าง 0.80 -1.00 และมีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.48/83.23 ถือว่า
มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้
3. ผลการศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอน พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์แบบ PAPAE Model เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่า
ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
4. ผลการศึกษาความพึงพอใจของครูผู้สอน พบว่า ครูผู้สอนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์แบบ PAPAE Model เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด (x̄ = 4.58 , S.D. = 0.53)